xs
xsm
sm
md
lg

เปิดกล่อง 5 ของขวัญวันเด็ก เสริมพัฒนาการลูก ชู “เล่นจ๊ะเอ๋” กระตุ้นสมองลูกดีมาก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เปิด 5 ของขวัญวันเด็ก “สิ่งเล็กๆ ที่สร้างลูก” เป็นเครื่องมือส่งเสริมพัฒนาการเด็กไทย ต้อนรับวันเด็กแห่งชาติ ชูเล่น “จ๊ะเอ๋” ในเด็กต่ำกว่า 2 ขวบ ส่งผลต่อพัฒนาการสมองของลูก เพิ่มสัมพันธภาพในครอบครัว ห่วงเลี้ยงลูกด้วยเทคโนโลยีส่งผลสมาธิสั้น

วันนี้ (10 ม.ค.) ศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี และประธานกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) แถลงข่าวของขวัญเด็กไทย “สิ่งเล็กๆ ที่สร้างลูก” เครื่องมือดูแลลูกยุคใหม่ ภายใต้โครงการส่งเสริมพัฒนาการเด็กเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสฉลองพระชนมายุ 5 รอบ 2 เมษายน 2558 ว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการพัฒนาเด็กปฐมวัย เนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติ รัฐบาลจึงได้มอบหมายให้ สสส.ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และภาคีเครือข่าย จัดทำโครงการสิ่งเล็กๆ ที่สร้างลูก เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและกระตุ้นให้ผู้ปกครองเห็นความสำคัญในการส่งเสริมพัฒนาการและการเรียนรู้ให้แก่เด็กจากเรื่องใกล้ตัวที่ทำได้ง่าย โดยมอบของขวัญ 5 เครื่องมือส่งเสริมพัฒนาการ ประกอบด้วย

1. คู่มือสิ่งเล็กๆที่สร้างลูก คู่มือพัฒนาลูกจากสิ่งใกล้ตัว 2. นิทานจ๊ะเอ๋ สื่อที่สร้างสัมพันธภาพที่ดีในครอบครัว 3. คู่มือและโปสเตอร์เฝ้าระวังและส่งเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัย เพื่อตรวจวัดพัฒนาการของเด็กว่าตรงตามเกณฑ์สมวัยหรือไม่ รวมถึงแอปพลิเคชัน คุณลูก ผู้ช่วยติดตามประเมินและส่งเสริมพัฒนาการลูกในฉบับพกพาบนมือถือ 4. ห้องเรียนพ่อแม่ กิจกรรมที่พ่อแม่ผู้ปกครองจะได้เรียนรู้จากประสบการณ์ตรงกับผู้เชี่ยวชาญด้านเด็กอย่างใกล้ชิด ซึ่ง SOOK by สสส. จะจัดสัญจรไปทั้ง 4 ภาค พร้อมกับทำงานร่วมกับเครือข่ายศูนย์พัฒนาเด็กเล็กใน 30 จังหวัด 2,000 แห่ง เครือข่ายผู้ปกครอง และเครือข่ายโรงพยาบาลเพื่อต่อยอดในพื้นที่ และ 5. สื่อรณรงค์ ที่หยิบยกเรื่อง การเล่นจ๊ะเอ๋ และการอ่านนิทานมาเป็นตัวอย่างง่ายๆ ที่ส่งเสริมพัฒนาการลูกได้ ออกมาในรูปแบบ ภาพยนตร์โฆษณาและคลิปออนไลน์ จำนวน 5 เรื่อง โดยเครื่องมือต่างๆ นี้ จะถูกส่งมอบกระจายไปยังศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก โรงพยาบาล เครือข่ายด้านเด็กต่างๆทั่วประเทศ และเปิดให้พ่อแม่ผู้ปกครองได้ดาวน์โหลดฟรี ด้วย QR Code ผ่าน www.khunlook.com และเฟซบุ๊คเพจ สิ่งเล็กๆ ที่สร้างลูก

ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการ สสส. กล่าวว่า จากข้อมูลผลสำรวจสถานการณ์เด็กและสตรีในประเทศไทย ปี 2558 - 2559 โดยองค์การยูนิเซฟประเทศไทย สำนักงานสถิติแห่งชาติ และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พบว่า ผู้ใหญ่ในครัวเรือน อย่างปู่ย่า ตายาย มีบทบาทสูงต่อการส่งเสริมการเรียนรู้ของเด็กในช่วงอายุ 3 - 5 ปีถึง 92.7% ขณะที่บทบาทของแม่ในการส่งเสริมการเรียนรู้อยู่ที่ 62.8% ตามด้วยบทบาทของพ่อ 34% ที่น่าสนใจคือ พบว่าเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ที่เล่นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต เครื่องเล่นเกม สูงถึง 50% และเกือบ 7 ใน 10 ของเด็กอายุ 2 ปีขึ้นไป เล่นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ตั้งแต่อายุยังน้อย โดยเฉพาะเด็กในกทม. และภาคใต้ ซึ่งการเล่นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ตั้งแต่อายุยังน้อยอาจส่งผลให้เกิดภาวะสมาธิสั้นได้ นอกจากนี้ยังพบช่องว่างของพัฒนาเด็กเล็กตามระดับการศึกษาของแม่และฐานะทางเศรษฐกิจ โดยพบว่า เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ที่มีหนังสือสำหรับเด็กอย่างน้อย 3 เล่ม มีเพียง 41.2% เท่ากับว่าอีก 59% มีหนังสือเด็กในบ้านไม่ถึง 3 เล่ม โดยเด็กที่ร่ำรวยมีหนังสือสำหรับเด็กในสัดส่วนที่มากกว่ากลุ่มที่ยากจนถึง 3 เท่า ดังนั้นการเลี้ยงดูในบ้านเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดสำหรับพัฒนาการของเด็กในวัยนี้ ซึ่งทุกครอบครัวมีต้นทุนไม่แพ้กันคือความรักความเอาใจใส่ เครื่องมือสิ่งเล็กๆที่สร้างลูก จึงถูกออกแบบจากสิ่งใกล้ตัว ง่ายๆ ช่วยส่งเสริมพัฒนาการลูกได้ ด้วยอุปกรณ์ราคาศูนย์บาท

พญ.จิราพร อรุณากูร กุมารแพทย์เวชศาสตร์วัยรุ่น ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ในปัจจุบัน เด็กมีพัฒนาการที่ล่าช้า เป็นที่น่าตกใจว่า เกิดอะไรขึ้นเด็กถึงมีคุณภาพที่ตกต่ำลง และพบว่ามาจากการกระตุ้นพัฒนาการจากคนเลี้ยงดู ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย หลายคนไม่มีเวลาที่จะเลี้ยงเด็ก จึงเกิดปัญหาที่ไม่สามารถรับรู้ว่าเด็กมีพัฒนาการที่ช้ากว่าปกติ ผู้ปกครองมักคิดว่า การเลี้ยงดู เป็นการที่ทำให้กินอิ่ม นอนหลับ เพียงแค่นั้น แต่ความจริงแล้วต้องขึ้นอยู่กับปฏิสัมพันธ์ การอยู่ร่วมกันระหว่างพ่อแม่กับลูก เพราะสาเหตุนี้ จึงเป็นที่มาของโครงการ “สิ่งเล็กๆ ที่สร้างลูก” เพราะว่าคนที่มีความหมายที่สุดสำหรับลูกคือ พ่อแม่ ตัวอย่าง เช่น การเล่นจ๊ะเอ๋กับลูก ซึ่งแฝงความมหัศจรรย์ที่ช่วยให้สมองและพัฒนาการของเด็กในหลายด้านถูกกระตุ้นอย่างที่ผู้ใหญ่คาดไม่ถึง การเล่นจ๊ะเอ๋ช่วยให้เด็กในช่วง 2 ขวบปีแรก ช่วยให้เด็กได้เรียนรู้เรื่องการคงอยู่ของสิ่งต่างๆ จากการที่ผู้ใหญ่ปิดตาหรือซ่อนแอบ ช่วยกระตุ้นพัฒนาการด้านการสื่อสารระหว่างกัน ฝึกการจดจำข้อมูล โดยเด็กจะจำว่าผู้ปกครองชอบโผล่ทางไหนและคาดเดาว่าครั้งต่อไปจะเป็นทิศทางใด ฝึกให้รู้จักรอคอย ช่วงเวลาที่ปิดหน้าหรือซ่อนหลังสิ่งของ เด็กจะรู้จักรอคอยว่าเมื่อไหร่จะเปิดตาหรือโผล่ขึ้นมา และเกิดสายสัมพันธ์ความผูกพันในหัวใจของลูกเพราะเป็นช่วงเวลาที่เด็กเป็นศูนย์กลาง การสบตา การใช้เสียงสูงต่ำ รอยยิ้มและเสียงหัวเราะทำให้ถักทอสายสัมพันธ์ในครอบครัว เป็นต้น

นพ.ดนัย ธีวันดา รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวถึงพัฒนาการและเครื่องมือในการวัดพัฒนาการเด็กว่า พัฒนาการของเด็กนั้นมี 5 ด้าน ซึ่งพบว่าพัฒนาการที่ล่าช้าที่สุด คือ การใช้กล้ามเนื้อมัดเล็ก และการสื่อภาษา สะท้อนให้เห็นว่า พ่อแม่ให้ลูกใช้กล้ามเนื้อมัดเล็กในการหยิบจับสิ่งของไม่มากนัก ต่อมาคือเรื่องพฤติกรรม และเรื่องฝึกวินัยการนอน การบริโภค ที่จะต้องปฏิบัติให้เป็นเวลา และเรื่องการใช้ผ้าอ้อมสำเร็จรูป การใช้ผ้าอ้อมสำเร็จรูปนั้นดีสำหรับพ่อแม่ แต่จะส่งผลเสียต่อเด็กคือ เด็กจะไม่ถูกฝึกในเรื่องของการขับถ่าย ถ้าจะใช้ ควรใช้ในเวลาที่เหมาะสมที่เราไม่สามารถดูแลเค้าอย่างใกล้ชิด

“จากเครื่องมือทั้ง 5 ที่รัฐบาลมอบให้เป็นของขวัญวันเด็ก เครื่องมือเหล่านี้ถูกพัฒนาการมาอย่างต่อเนื่อง และเป็นเครื่องมือเฝ้าระวังที่สามารถตรวจพบว่า เด็กมีความผิดปกติล่าช้าในด้านใด และผู้ปกครองสามารถกระตุ้นเด็กในด้านใดได้บ้าง ในส่วนผลการประเมินในการเฝ้าระวัง ผลตัวนี้จะสามารถเห็นเป็นตัวเลขได้ว่า ในปีที่แล้ว กระทรวงสาธารณสุขมีการดำเนินงานการเฝ้าระวังในเด็ก 9 เดือน 18 เดือน 30 เดือน และ 42 เดือน พบว่าเด็กในพื้นที่จริงประมาน 1,800,000 คน เราสามารถตรวจคัดกรองได้ประมาณ 1,500,000 คน พบว่ามีพัฒนาการที่สมวัยประมาณ 1,200,000 คน คิดเป็น 83% แสดงว่าเด็กที่มีพัฒนาการล่าช้า มี 16% และใน 16% เราได้มีการกระตุ้นพัฒนาการ โดยการใช้เครื่องมือคู่มือเฝ้าระวัง โดยเครื่องมือจะมีรายละเอียดในการพัฒนาเด็กในทุกด้าน” นพ.ดนัย กล่าว



กำลังโหลดความคิดเห็น