xs
xsm
sm
md
lg

“พริกค่ะ สไปซี่ คอฟฟี่ - Prikka Spicy Coffee” กาแฟเผ็ดนวัตกรรมคนไทย สูตรแรกของโลก เตรียมโกอินเตอร์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


กาแฟเผ็ดแบบ 3 in 1 สูตรแรกของโลก ผลิตภัณฑ์ที่ได้ประกาศขึ้นบัญชีนวัตกรรมไทย และจดสิทธิบัตรแล้ว เตรียมตัวโกอินเตอร์ สร้างความประสบการณ์ใหม่ให้ผู้ดื่มกาแฟทั่วโลกได้รู้จักกับรสชาติที่ Hot Flavor , Warm Feeling


กาแฟ พริกค่ะ สไปซี่ คอฟฟี่ กาแฟรสเผ็ดสูตรแรกของโลกที่คิดค้นโดยเภสัชกรคนไทย เตรียมตัวโกอินเตอร์ แม้ว่าเพิ่งเปิดตัวได้เพียงแค่เดือนเดียวในไทย



ภญ.ศศิมา อาจสงคราม หรือ คุณดาว กรรมการผู้จัดการบริษัท สตาร์ เฮิร์บ ฟาร์ม่า จำกัด ผู้คิดค้นและพัฒนาสูตรของกาแฟพริกค่ะ สไปซี่ คอฟฟี่ และเธอยังเป็นกรรมการอำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ของเภสัชกรรมสมาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ และเป็นบรรณาธิการวารสาร “ยาน่ารู้” กล่าวว่า “นับว่าผลิตภัณฑ์ "พริกค่ะ สไปซี่ คอฟฟี่" ของเรา ค่อนข้างเป็นที่สนใจของชาวต่างชาติมากนะคะ แม้ว่าเพิ่งจะเปิดตัวได้เพียงแค่ 1 เดือนในไทย ยอมรับว่าเรายังกระจายสินค้าสู่ตลาดในประเทศไทยได้ไม่ทั่วถึง ประกอบกับเรามีข้อจำกัดด้านงบประมาณประชาสัมพันธ์ที่จะทำให้คนไทยส่วนใหญ่รู้จักได้ทั่วถึงในขณะนี้ แต่กลายเป็นว่า เรากลับมีโอกาสในการเข้าสู่ตลาดต่างประเทศมากมายอย่างไม่น่าเชื่อเลย ตอนนี้ มีประเทศที่ติดต่อมาแล้ว อยู่ระหว่างการทดลองสินค้าและเจรจาธุรกิจ ประมาณ 10 ประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น จีน ฮ่องกง ไต้หวัน อิตาลี อังกฤษ อินโดนีเซีย กัมพูชา เวียดนาม และมาเลเซีย ในจำนวนนี้ คาดว่า ประเทศญี่ปุ่น จะเป็นประเทศแรกที่จะมีพริกค่ะ ไปวางจำหน่ายทั่วประเทศญี่ปุ่นเพราะขณะนี้กำลังจะเข้าสู่ขั้นตอนการจดทะเบียน FDA หรือ อย.ของญี่ปุ่นแล้ว และลูกค้ามีแผนจะกระจายสินค้าทั่วประเทศญี่ปุ่น ทั้งในรูปแบบของ Pouch , Omiyake (กล่องของขวัญ ของที่ระลึก) และมีขายในตู้ Vending Machine ด้วย”

เมื่อถามว่าทำไมถึงมีความคิดที่จะทำกาแฟที่ใส่พริก เพราะดูแล้ว พริกกับกาแฟมันไม่น่าจะเข้ากันได้เลย เธอตอบอย่างอารมณ์ดีว่า “ด้วยความที่ดิฉันเองเป็นคนชอบทำอาหาร และเบเกอรี่ และเป็นคนชอบชิม ประกอบกับมีความรู้ด้าน Ingredient ต่าง ๆ ในผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร มองว่า ตลาดกาแฟบ้านเราขาดความหวือหวาแปลกใหม่มานาน ผู้ผลิตส่วนใหญ่หันไปสร้างความแตกต่างที่ตัวกาแฟเอง มากกว่าจะหารสชาติใหม่ ๆ ให้กาแฟ ประกอบกับ กาแฟ 3 in 1 ที่มีอยู่ในตลาดปัจจุบัน ยังมีข้อจำกัดหลายอย่าง ผู้บริโภคมักจะมองว่า กาแฟที่อร่อยก็ไม่ค่อยดีต่อสุขภาพ เพราะทั้งหวานทั้งมัน ส่วนกาแฟที่ดีสุขภาพ ก็ไม่ค่อยอร่อย เลยมีความคิดว่าจะทำอย่างไรที่จะได้กาแฟที่อร่อยและดีต่อสุขภาพ ตอบโจทย์ผู้บริโภค พร้อมกับคิดค้นหากาแฟที่มีรสชาติแปลกใหม่ที่มีทั้ง Taste และ Benefit มาอยู่ด้วยกัน ก็เลยไปคิดถึง พริกขี้หนูของไทย นี่แหละ Taste คือรสเผ็ด , Benefit คือ เร่ง Burn โดยเป็นคุณสมบัติที่เป็นที่ยอมรับกันทั่วโลกมีงานวิจัยมากมายยอมรับว่า สารสกัดจากพริกสามารถเร่งการเผาผลาญ จึงได้ทำการวิจัยและพัฒนาสูตรนานหลายปี จนได้เป็นผลิตภัณฑ์ที่เชื่อมั่นว่าถูกใจและถูกปาก จึงนำไปจดสิทธิบัตร ล่าสุดผลิตภัณฑ์นี้ ได้รับอนุมัติอนุสิทธิบัตรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คุ้มครอง 10 ปี ได้ประกาศขึ้นบัญชีนวัตกรรมไทยเป็นเวลา 8 ปี และได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 จากการประกวดนวัตกรรมเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ จากงาน Food Ingredients Asia 2017 ตรงนี้ต้องขอขอบคุณ กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ , สำนักงบประมาณ , สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ที่ให้การสนับสนุนมา ณ ที่นี้ ถือเป็นการให้โอกาสผลิตภัณฑ์ของคนไทยได้มีที่ยืนอย่างสง่างามในเวทีโลก ตรงนี้ ตอกย้ำว่า นโยบาย Thailand 4.0 ที่เน้นนวัตกรรมนั้น เป็นสิ่งที่ทำให้เรามี Competitive Advantage สามารถแข่งขันได้ทั้ง Local และ Global”

เมื่อถามว่า พริกค่ะ สไปซี่ คอฟฟี่ มีความแตกต่างจากผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ในท้องตลาดอย่างไร ภญ.ศศิมา ตอบว่า “สิ่งที่เรามีและแบรนด์อื่นไม่มี คือ Customer Experience ค่ะ คือ ลูกค้าจะรู้สึกได้ถึงความแตกต่างตั้งแต่การชิมจิบแรก จนถึงหยดสุดท้ายของกาแฟ รสชาติที่อร่อยกลมกล่อมที่แฝงรสเผ็ด ที่ทำให้เกิด Physical Warming Effect เป็นความรู้สึกอุ่นร้อนที่อบอุ่นอย่างประหลาด ไม่ใช่ความร้อนจากน้ำร้อนนะคะ มันเป็นความร้อนที่เกิดจากสารสกัดพริกนี่แหละ Hot Flavor , Warm Feeling นี่คือ Value Added ของผลิตภัณฑ์นี้ที่สะท้อนถึง Product Benefit ที่ดีกว่าการโฆษณาใด ๆ ซึ่ง Customer Experience นี่ถือเป็น Key ของการตลาดยุคปัจจุบันเลย เพราะผู้บริโภคเค้ารู้สึกได้จากการชิมด้วยตัวเอง จึงทำให้ผลิตภัณฑ์นี้เป็น Cross Segmentation นั่นคือ ลูกค้าเราจะมีความหลากหลายมากขึ้น เป็นทั้งคนที่ชอบดื่มกาแฟ 3in1 อยู่แล้ว , คนที่ชอบดื่มกาแฟแบบ Functional , คนที่ซื้อ Coffee for Souvenir คือกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ซื้อกลับไปเป็นของฝากของที่ระลึก เพราะแพกเกจจิงของเราสวยงามแบบไทย ๆ เป็น Thai Brand Personality และสามารถขยายไปสู่กลุ่มเป้าหมายที่เป็นคนที่อยู่เมืองหนาว หรือ ทำงานในห้องแอร์ ที่ดื่มเพื่อให้ความอบอุ่น ซึ่งตรงนี้ตลาดใหญ่มาก ยุโรป สแกนดิเนเวียทั้งแถบ ก็เป็นเป้าหมายต่อไปของเราที่จะมุ่งไปเช่นกัน”

เมื่อถามถึงส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์นี้ว่ามีอะไรบ้าง ภญ.ศศิมา ตอบว่า “แน่นอนว่าต้องมีพริกนะคะ (หัวเราะ) พริกค่ะ สไปซี่ คอฟฟี่ จัดอยู่ในประเภท Functional Coffee เราใช้สารสกัดจากพริกขี้หนูของไทย ,สารสกัดส้มแขก, ถั่วขาว ,กระบองเพชร , L-Carnitine-L-Tartrate , Chromium Picolinate ,กรดอะมิโน L-Valine , L- Arginine และ Fructoligosaccharide สโลแกนของเรา คือ “ Pick a Prikka , Please Yourself” “พริกค่ะ พลีสคุณ” เมื่อใดที่คุณอยากได้ความอุ่นสบาย ที่มาพร้อมกับความอร่อยกลมกล่อมของกาแฟ ตรงนี้ พริกค่ะตอบโจทย์มาก ๆ เพราะอร่อยและดีต่อสุขภาพ เนื่องจากเราเป็นกาแฟที่ให้พลังงานต่ำ ไม่มีไขมันทรานส์ ไม่มีคลอเรสเตอรอล ไม่เติมน้ำตาล ใช้ Sucralose เป็นสารให้ความหวานแทนน้ำตาล เป็นกาแฟที่ทั้ง Tasty และ Healthy เหมาะกับความต้องการของผู้บริโภคยุคนี้ “

เมื่อถามว่า กลัวไหม เมื่อสินค้าดังต้องมีคนลอกเลียนแบบ ภญ.ศศิมา ตอบว่า “เรื่องการลอกเลียนแบบ คงเป็นเรื่องที่ห้ามกันได้ยาก แต่เชื่อว่า ทำได้ไม่ง่าย เพราะกว่าจะได้ผลิตภัณฑ์ที่มีรสชาติที่อร่อยลงตัวของพริกกับกาแฟก็ยากยิ่งแล้ว ประกอบกับเชื่อว่าไม่มีผู้ประกอบการธุรกิจคนไหนที่อยากจะมีปัญหาทางด้านของข้อกฎหมาย เพราะเราได้รับอนุสิทธิบัตรคุ้มครองถึง 10 ปี ทั้งในและต่างประเทศ แถมเราเป็นผลิตภัณฑ์ในบัญชีนวัตกรรมไทยที่รัฐบาลสนับสนุนภายใต้นโยบาย Thailand 4.0 จึงเป็น Barrier to Entry สำหรับคู่แข่งอยู่พอสมควร สุดท้าย ผู้บริโภคจะเป็นผู้เลือกเองว่าผลิตภัณฑ์ไหนที่จะอยู่ในใจพวกเค้า อีกอย่างเราเองก็ไม่ได้หยุดพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเราเตรียมจดสิทธิบัตรเพิ่มในผลิตภัณฑ์อีกหลายรายการทั้งในและต่างประเทศ ส่วนในต่างประเทศเอง เคยมีผู้ผลิตกาแฟยักษ์ใหญ่จากประเทศเพื่อนบ้าน มาจ้างเราเป็น R&D ให้เค้า สั่งให้คิดสูตรกาแฟให้รสชาติอร่อยเหมือนของเราเป๊ะ แต่ให้ใช้วัตถุดิบของเค้า เรียนตามตรงว่า ส่วนตัวแล้วไม่มีความคิดที่จะทำ ไม่ว่าจะได้ค่าตอบแทนสูงแค่ไหนก็ตาม เพราะใจเราคิดว่า เราต้องการให้แบรนด์ Prikka Spicy Coffee นี้เป็นแบรนด์ของประเทศไทยเท่านั้น เป็นของคนไทยทุกคน เราต้องการเป็นตำนานของสินค้าไทย ที่ไปสร้างความภูมิใจให้คนทั่วโลก พริกขี้หนูเป็นส่วนประกอบของอาหารไทย เป็นอัตลักษณ์ด้านวัฒนธรรมอาหารการกินของไทย เชื่อว่าเมื่อผลิตภัณฑ์ของเราสร้างความประทับใจให้ต่างชาติได้ก็จะเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยในทางอ้อมด้วยค่ะ”

สุดท้าย ภญ.ศศิมา ฝากถึงคนไทยทุกคนว่า “อยากให้คนไทยทุกคนได้ร่วมภาคภูมิใจว่า สินค้าไทยของเรามีรสชาติที่อร่อยถูกปากชาวต่างชาติ เค้าทึ่งกับรสชาติของกาแฟของเรามาก การมีลูกค้าต่างชาติเจ้าแรกคือประเทศญี่ปุ่นนับเป็น Reference ที่ดีมาก ๆ สำหรับเรา เพราะใคร ๆ ก็รู้ว่าญี่ปุ่นเค้ามีมาตรฐานสูงมาก และเค้าเลือกเรา เราควรจะต้องภูมิใจมาก ๆ อยากจะให้คิดว่า พริกค่ะ สไปซี่ คอฟฟี่ เป็นกาแฟของคนไทยทุกคน เรากำลังจะบันทึกหน้าแรกของประวัติศาสตร์กาแฟของโลกด้วยกัน ณ วันนี้ เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น แต่ดิฉันมั่นใจเหลือเกินว่า พริกค่ะ สไปซี่ คอฟฟี่ จะสามารถสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยได้อย่างแน่นอน ล่าสุด พริกค่ะ สไปซี่ คอฟฟี่ ได้รับการเชิญให้เข้าร่วมงาน วันนักประดิษฐ์ไทย (Thailand Inventor‘s Day) วันที่ 2-6 กุมภาพันธ์ 2561 ที่ไบเทค บางนา ด้วยในฐานะสิ่งประดิษฐ์ในบัญชีนวัตกรรมไทย ลองแวะไปชิมรสชาติที่ Hot Flavor , Warm Feeling และเลือกซื้อกันได้นะคะ Pick a Prikka , Please Yourself ….. พริกค่ะ พลีสคุณ ”

สำหรับผู้สนใจสั่งซื้อ ในประเทศไทย ติดต่อ วีเอเอสเฮิร์บ ซึ่งเป็นผู้แทนจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวในไทย โทร. 087-003-0222, 088-430-3456 สำหรับต่างประเทศ ติดต่อ บริษัท สตาร์ เฮิร์บ ฟาร์ม่า จำกัด โทร. 097-046-2345 www.prikkaspicycoffee.com




กำลังโหลดความคิดเห็น