บ้านที่เราอยู่อาศัยนอกจากจะสามารถบอกถึงลักษณะนิสัยของเราแล้วยังบอกด้วยว่าเราเป็นคนที่รักสุขภาพหรือไม่ เราลองมาดูกัน ดังนี้
1. ชั้นวางของที่อยู่ในครัว ดูของที่เตรียมไว้ทำอาหารว่าเป็น ผัก ผลไม้ เนื้อไร้มัน หรือติดมัน เนื้อหมูสามชั้น หรือเป็นพวกขนม เช่น ช็อกโกแลต คุกกี้ โดนัท น้ำผลไม้ โซดา เกลือหรือน้ำตาลที่จัดวางไว้ที่ชั้นในห้องครัวจะบอกได้ถึงสุขภาพของเจ้าของบ้านนั้นๆ
2. จานข้าวที่บ้านของคุณมีขนาดเท่าใด จานที่ใหญ่จะบอกถึงเอวที่ใหญ่ของคุณด้วย เรามักจะรับประทานอาหารที่มากเกินความจำเป็นเมื่อเราใช้จานอาหารที่ใหญ่ ดังนั้นควรเลือกอาหารที่ดีต่อสุขภาพเช่นผักผลไม้เอาไว้ใส่จานที่ใหญ่ ส่วนอาหารที่อุดมไปด้วยอาหารที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพจะเอาไว้ในจานที่เล็กจะดีกว่า
3. เราจัดการกับอาหารที่เหลืออย่างไร การจัดเก็บอาหารจะบอกได้ถึงสุขภาพของคนจัดเก็บนั้นด้วยว่าอาหารประเภทไหนควรจัดเก็บในที่ที่มีอุณหภูมิเย็นกว่าปกติ เนื้อสัตว์ที่ถูกเปิดผนึกแล้วมีการจัดเก็บอย่างดีหรือไม่อย่างไร
4. ห้องนอนของคุณเต็มไปด้วยสื่ออิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ หรือไม่ คราวนี้มาถึงเรื่องของห้องนอนของเรามีทีวีจอใหญ่อยู่ที่ปลายเท้าหรือมีเครื่องมือสื่อสาร เช่น โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต โน้ตบุ๊ก วิทยุ เครื่องเล่น cd คอมพิวเตอร์ต่างๆ อยู่ในห้องนอนหรือไม่ แสงของเครื่องมือสื่อสารต่างๆ จะรบกวนการนอนของเรา ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงการนำเครื่องมือสื่อสารต่างๆ ไว้ภายในห้องนอน
5. คุณมีสัตว์เลี้ยงนอนอยู่บนเตียงร่วมกับคุณหรือไม่ บางคนรักสัตว์ยอมให้สัตว์นอนอยู่บนเตียงกับเราด้วยสุนัขบางตัวไม่สะอาดและนอนกรนรบกวนการนอนของเรา ทำให้การนอนหลับพักผ่อนของเราไม่เพียงพอโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเวลาสุนัขกรน อากาศภายในห้องนอนและเชื้อโรคต่างๆ สามารถส่งต่อถึงกันได้
6. เตียงนอนของเราเป็นอย่างไร เมื่อเราตื่นขึ้นมาตอนเช้าแล้วรู้สึกปวดหลังปวดคอหรือดูเหมือนว่ามีตัวอะไรกัดตามตัวหรือไม่ เตียงที่นุ่มเกินไปอาจไม่เหมาะสมกับคนบางคนหรือเตียงที่แข็งเกินไปอาจจะไม่เหมาะสมกับคนบางคนด้วยเช่นกัน ดังนั้น ควรเลือกเตียงให้เหมาะสมกับสุขภาพของตนเอง อีกทั้งควรทำความสะอาดเตียงอย่างสม่ำเสมอด้วยการซักผ้าปูที่นอนปลอกหมอนไรฝุ่นและแมลงต่างๆ ที่แอบแฝงอยู่ภายในฟูก และควรเปลี่ยนฟูกที่นอนในทุกๆ 8 ปี
7. บ้านเรามีตู้ยาที่เก็บยาต่างๆ ไว้ใช้ในยามจำเป็น โดยในการจัดเก็บจะต้องอยู่ไกลจากมือเด็ก อีกทั้งต้องตรวจดูเป็นประจำด้วยว่ามีที่ยาหมดอายุหรือเปล่า
8. ที่เก็บเครื่องสำอางอยู่ที่ใดภายในบ้าน ไม่ว่าเราจะเป็นคนที่ชอบแต่งหน้าหรือแต่งในบางโอกาสก็ตามการจัดเก็บเครื่องสำอางจะบอกถึงลักษณะสุขภาพนิสัยของเรา เราควรเก็บเครื่องสำอางไว้ในที่แห้งป้องกันความชื้นอีกทั้งเวลาใช้เครื่องสำอางควรล้างมือทุกครั้งก่อนใช้ และพยายามหลีกเลี่ยงการใช้น้ำหรือน้ำลายผสมกับเครื่องสำอางต่างๆ และที่สำคัญไม่ควรใช้เครื่องสำอางร่วมกับคนอื่น
9. ห้องน้ำเป็นอย่างไร ฝาผนังมีการเปลี่ยนสีหรือไม่เพราะอาจจะมีเชื้อราที่กำลังคุกคามภายในห้องน้ำ ดังนั้นควรทำความสะอาดห้องน้ำและหมั่นดูแลความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในห้องน้ำอยู่เสมอเพราะห้องน้ำมักเป็นแหล่งรวมของเชื้อโรค
10. ตู้เก็บรองเท้า มีรองเท้าที่เหมาะสมกับการใช้งานหรือไม่ รองเท้าสำหรับการออกกำลังกาย รองเท้าสำหรับการไปงานต่างๆ หรือรองเท้าที่ใส่อยู่ในบ้าน ควรมีการแยกให้เหมาะสมและควรนำรองเท้าออกมาตากแดดบ้างเพื่อป้องกันเชื้อราหรือสัตว์เข้าไปอาศัยอยู่
11. ฝาผนังก็เช่นเดียวกัน ควรเลือกสีของฝาผนังที่เหมาะสมต่อการใช้งาน เช่นในห้องครัวควรจะเป็นสีอ่อนเพื่อให้มองเห็นได้ง่าย ส่วนในห้องทำงานหรือห้องอ่านหนังสือควรเป็นสีฟ้าอ่อนเพื่อให้สบายตา และเพื่อให้มีความคิดสร้างสรรค์เพิ่มมากขึ้นด้วย
12. เรามีน้ำดื่มที่สะอาดหรือไม่มี เครื่องกรองน้ำอย่างดีที่กรองน้ำได้สะอาดมากจะช่วยทำให้สุขภาพของเราดีมากขึ้น
13. บ้านของเรามีอากาศที่บริสุทธิ์หรือไม่ โดยเครื่องปรับอากาศต้องมีการทำความสะอาดเพื่อป้องกันไรฝุ่นต่างๆ อากาศเป็นสิ่งที่สำคัญต่อร่างกายหากเราอยู่ในพื้นที่ที่มีอากาศไม่บริสุทธิ์จะส่งผลเสียต่อปอดทำให้เกิดโรคทางเดินหายใจ โรคมะเร็ง เป็นต้น ดังนั้นควรเปิดหน้าต่างและให้อากาศบริสุทธิ์เข้ามาภายในบ้านบ้างและควรทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศ และตรวจสภาพความชื้นในห้องอยู่เสมอ
จะเห็นได้ว่าการดูแลบ้านให้สะอาดปลอดภัยนั้นเป็นสิ่งสำคัญมากต่อผู้อยู่อาศัย เป็นกำลังใจให้ทุกครอบครัวเสมอค่ะ
1. ชั้นวางของที่อยู่ในครัว ดูของที่เตรียมไว้ทำอาหารว่าเป็น ผัก ผลไม้ เนื้อไร้มัน หรือติดมัน เนื้อหมูสามชั้น หรือเป็นพวกขนม เช่น ช็อกโกแลต คุกกี้ โดนัท น้ำผลไม้ โซดา เกลือหรือน้ำตาลที่จัดวางไว้ที่ชั้นในห้องครัวจะบอกได้ถึงสุขภาพของเจ้าของบ้านนั้นๆ
2. จานข้าวที่บ้านของคุณมีขนาดเท่าใด จานที่ใหญ่จะบอกถึงเอวที่ใหญ่ของคุณด้วย เรามักจะรับประทานอาหารที่มากเกินความจำเป็นเมื่อเราใช้จานอาหารที่ใหญ่ ดังนั้นควรเลือกอาหารที่ดีต่อสุขภาพเช่นผักผลไม้เอาไว้ใส่จานที่ใหญ่ ส่วนอาหารที่อุดมไปด้วยอาหารที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพจะเอาไว้ในจานที่เล็กจะดีกว่า
3. เราจัดการกับอาหารที่เหลืออย่างไร การจัดเก็บอาหารจะบอกได้ถึงสุขภาพของคนจัดเก็บนั้นด้วยว่าอาหารประเภทไหนควรจัดเก็บในที่ที่มีอุณหภูมิเย็นกว่าปกติ เนื้อสัตว์ที่ถูกเปิดผนึกแล้วมีการจัดเก็บอย่างดีหรือไม่อย่างไร
4. ห้องนอนของคุณเต็มไปด้วยสื่ออิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ หรือไม่ คราวนี้มาถึงเรื่องของห้องนอนของเรามีทีวีจอใหญ่อยู่ที่ปลายเท้าหรือมีเครื่องมือสื่อสาร เช่น โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต โน้ตบุ๊ก วิทยุ เครื่องเล่น cd คอมพิวเตอร์ต่างๆ อยู่ในห้องนอนหรือไม่ แสงของเครื่องมือสื่อสารต่างๆ จะรบกวนการนอนของเรา ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงการนำเครื่องมือสื่อสารต่างๆ ไว้ภายในห้องนอน
5. คุณมีสัตว์เลี้ยงนอนอยู่บนเตียงร่วมกับคุณหรือไม่ บางคนรักสัตว์ยอมให้สัตว์นอนอยู่บนเตียงกับเราด้วยสุนัขบางตัวไม่สะอาดและนอนกรนรบกวนการนอนของเรา ทำให้การนอนหลับพักผ่อนของเราไม่เพียงพอโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเวลาสุนัขกรน อากาศภายในห้องนอนและเชื้อโรคต่างๆ สามารถส่งต่อถึงกันได้
6. เตียงนอนของเราเป็นอย่างไร เมื่อเราตื่นขึ้นมาตอนเช้าแล้วรู้สึกปวดหลังปวดคอหรือดูเหมือนว่ามีตัวอะไรกัดตามตัวหรือไม่ เตียงที่นุ่มเกินไปอาจไม่เหมาะสมกับคนบางคนหรือเตียงที่แข็งเกินไปอาจจะไม่เหมาะสมกับคนบางคนด้วยเช่นกัน ดังนั้น ควรเลือกเตียงให้เหมาะสมกับสุขภาพของตนเอง อีกทั้งควรทำความสะอาดเตียงอย่างสม่ำเสมอด้วยการซักผ้าปูที่นอนปลอกหมอนไรฝุ่นและแมลงต่างๆ ที่แอบแฝงอยู่ภายในฟูก และควรเปลี่ยนฟูกที่นอนในทุกๆ 8 ปี
7. บ้านเรามีตู้ยาที่เก็บยาต่างๆ ไว้ใช้ในยามจำเป็น โดยในการจัดเก็บจะต้องอยู่ไกลจากมือเด็ก อีกทั้งต้องตรวจดูเป็นประจำด้วยว่ามีที่ยาหมดอายุหรือเปล่า
8. ที่เก็บเครื่องสำอางอยู่ที่ใดภายในบ้าน ไม่ว่าเราจะเป็นคนที่ชอบแต่งหน้าหรือแต่งในบางโอกาสก็ตามการจัดเก็บเครื่องสำอางจะบอกถึงลักษณะสุขภาพนิสัยของเรา เราควรเก็บเครื่องสำอางไว้ในที่แห้งป้องกันความชื้นอีกทั้งเวลาใช้เครื่องสำอางควรล้างมือทุกครั้งก่อนใช้ และพยายามหลีกเลี่ยงการใช้น้ำหรือน้ำลายผสมกับเครื่องสำอางต่างๆ และที่สำคัญไม่ควรใช้เครื่องสำอางร่วมกับคนอื่น
9. ห้องน้ำเป็นอย่างไร ฝาผนังมีการเปลี่ยนสีหรือไม่เพราะอาจจะมีเชื้อราที่กำลังคุกคามภายในห้องน้ำ ดังนั้นควรทำความสะอาดห้องน้ำและหมั่นดูแลความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในห้องน้ำอยู่เสมอเพราะห้องน้ำมักเป็นแหล่งรวมของเชื้อโรค
10. ตู้เก็บรองเท้า มีรองเท้าที่เหมาะสมกับการใช้งานหรือไม่ รองเท้าสำหรับการออกกำลังกาย รองเท้าสำหรับการไปงานต่างๆ หรือรองเท้าที่ใส่อยู่ในบ้าน ควรมีการแยกให้เหมาะสมและควรนำรองเท้าออกมาตากแดดบ้างเพื่อป้องกันเชื้อราหรือสัตว์เข้าไปอาศัยอยู่
11. ฝาผนังก็เช่นเดียวกัน ควรเลือกสีของฝาผนังที่เหมาะสมต่อการใช้งาน เช่นในห้องครัวควรจะเป็นสีอ่อนเพื่อให้มองเห็นได้ง่าย ส่วนในห้องทำงานหรือห้องอ่านหนังสือควรเป็นสีฟ้าอ่อนเพื่อให้สบายตา และเพื่อให้มีความคิดสร้างสรรค์เพิ่มมากขึ้นด้วย
12. เรามีน้ำดื่มที่สะอาดหรือไม่มี เครื่องกรองน้ำอย่างดีที่กรองน้ำได้สะอาดมากจะช่วยทำให้สุขภาพของเราดีมากขึ้น
13. บ้านของเรามีอากาศที่บริสุทธิ์หรือไม่ โดยเครื่องปรับอากาศต้องมีการทำความสะอาดเพื่อป้องกันไรฝุ่นต่างๆ อากาศเป็นสิ่งที่สำคัญต่อร่างกายหากเราอยู่ในพื้นที่ที่มีอากาศไม่บริสุทธิ์จะส่งผลเสียต่อปอดทำให้เกิดโรคทางเดินหายใจ โรคมะเร็ง เป็นต้น ดังนั้นควรเปิดหน้าต่างและให้อากาศบริสุทธิ์เข้ามาภายในบ้านบ้างและควรทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศ และตรวจสภาพความชื้นในห้องอยู่เสมอ
จะเห็นได้ว่าการดูแลบ้านให้สะอาดปลอดภัยนั้นเป็นสิ่งสำคัญมากต่อผู้อยู่อาศัย เป็นกำลังใจให้ทุกครอบครัวเสมอค่ะ