xs
xsm
sm
md
lg

นายกสภาเภสัชฯ เล็งขอพบ “รมว.สธ.- ปลัด สธ.” ปมบรรจุ ขรก.หลังเภสัชฯ ไม่ได้สักตำแหน่ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


นายกสภาเภสัชกรรม เล็งเข้าพบ รมว.สธ.- ปลัด สธ. ปมบรรจุ “เภสัชกร” เป็นข้าราชการ เผย ปี 2560 ไม่มีให้บรรจุสักตำแหน่ง ทำเภสัชฯ ไหลสู่ระบบเอกชนมากขึ้น

ภก.นิลสุวรรณ ลีลารัศมี นายกสภาเภสัชกรรม กล่าวถึงการจัดสัปดาห์เภสัชกรรม รณรงค์ “ใช้ยาและสมุนไพรอย่างไรให้ปลอดภัย” ว่า ปัจจุบันรัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) มีนโยบายส่งเสริมให้สถานพยาบาลในสังกัดทั่วประเทศใช้ยาสมุนไพรบำบัดรักษาโรคควบคู่กับยาแผนปัจจุบัน เพราะยาบางอย่างสามารถใช้รักษาโรคร่วมกันได้ โดยเฉพาะในผู้สูงอายุที่มักใช้ยารักษาโรคเรื้อรังมากกว่า 1 ชนิดและต่อเนื่องกัน เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง หลอดเลือดหัวใจตีบ ข้อเข่าเสื่อม เป็นต้น ทั้งนี้ ยาสมุนไพรสามารถผลิตได้จากในประเทศ ซึ่งจะช่วยลดการนำเข้ายาจากต่างประเทศได้ และยังมีความเชื่อว่าสมุนไพรมาจากธรรมชาติต่อร่างกายและไม่ตกค้าง และไม่ก่อให้เกิดพิษ แต่ไม่ว่าจะเป็นยาแผนปัจจุบันหรือยาสมุนไพรก็ให้โทษได้หากใช้ไม่ถูกวิธี ไม่ถูกโรค หรือใช้ในปริมาณที่ไม่เหมาะสม เพราะยาบางอย่างจะไปขัดฤทธิ์กันหรือเสริมฤทธิ์ให้ยาแรงขึ้น ดังนั้น ต้องมีความพอดี มีปริมาณสอดคล้องกัน 

“ยาบางตัวสามารถใช้แทนยาแผนปัจจุบันได้ เช่น การใช้ยาพาราเซตามอลบางทีต้องใช้ควบคู่กับยาฆ่าเชื้อ ก็สามารถใช้ยาฟ้าทลายโจรตัวเดียวได้เลย เป็นต้น โดยปัจจุบันรัฐบาลได้รับรองและบรรจุยาสมุนไพรไว้ในบัญชียาหลักแห่งชาติ 24 รายการ อาทิ ยารักษาทางเดินหายใจ เช่น ยาขมิ้นชัน ยาขิง ยาฟ้าทลายโจร, ยารักษาทางเดินหายใจ ได้แก่ ยาฟ้าทลายโจร, ยารักษาโรคผิวหนัง เช่น ยาบัวบกครีม ยาเปลือกมังคุด ยาบัวบกครีม เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการรักษา ผู้ใช้ต้องยึดหลัก 5 ถูก คือ 1. ถูกคน 2. ถูกโรค 3. ถูกขนาด 4. ถูกวิธี และ 5. ถูกเวลา และในการใช้ควบคู่กันก็ต้องมีการปรึกษาเภสัชกรด้วยทุกครั้ง” นายกสภาเภสัชกรรม กล่าว

ภก.นิลสุวรรณ กล่าวว่า การใช้ยา เภสัชกรมีส่วนสำคัญมาก ซึ่งตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน สังคมจะเข้าใจว่าเภสัชกรจะต้องอยู่แค่ในร้านขายยา แต่ความจริงในสิ่งที่คนไม่รับรู้คือเป็นวิชาชีพที่ทำงานในโรงพยาบาลควบคู่กับหมอ พยาบาล ในการทำหน้าที่ให้ยาตามอาการและให้ความรู้เกี่ยวกับผลข้างเคียงของยาแก่ผู้ป่วยมาโดยตลอด  ซึ่งปัจจุบันทั่วประเทศสามารถผลิตเภสัชกรปีละ 1,900 คน ในขณะที่ รพ.รัฐ มีความต้องการให้เข้าสู่ระบบปีละ 1,600 คน หรือไม่ต่ำกว่าประมาณ 70% ซึ่งที่ผ่านมา สธ.สามารถบรรจุข้าราชการให้ได้ประมาณ 380 คน แต่ปีนี้กลับไม่มีตำแหน่งให้เลย ทำให้เภสัชกรที่ผลิตได้ในแต่ละปีเข้าสู่การทำงานในระบบเอกชนหรือไปทำงานอื่น เพราะขาดแรงจูงใจ ซึ่งทำให้ทุนที่รัฐส่งเสริมในการเรียนนั้นสูญเปล่าไป

“การบรรจุข้าราชการนั้นเงินเดือนไม่สูงมากนัก แต่ที่น้องๆ ที่จบมาต้องการ คือ สวัสดิการต่างๆ ที่จะได้รับ ซึ่งในปีนี้ไม่มีตำแหน่งของเภสัชกรเลย ทาง สธ. ได้ให้ทำข้อมูลเพิ่มเติมส่งเข้าไป ซึ่งก็มีทางเครือข่ายอยากไปเรียกร้องเหมือนวิชาชีพอื่นๆ เช่นกัน แต่ก็ได้บอกว่าให้รอฟังเหตุผลของทาง สธ. ก่อน เพราะไม่อยากกดดันการทำงาน ซึ่งขณะนี้กำลังทำเรื่องขอเข้าชี้แจงกับทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และ ปลัด สธ. ถึงความจำเป็นและภาระงานต่างๆ ที่ต้องการจะได้รับการบรรจุ ซึ่งต้องฟังเหตุผลก่อนจึงจะสามารถตัดสินใจว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป” นายกสภาเภสัชกรรม กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น