xs
xsm
sm
md
lg

เผยคนไทยซื้อขนม-น้ำอัดลม วันละ 135 ล.แถมพบโฆษณาในรายการเด็กมากสุดในโลก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นักวิชาการ นักโภชนาการ และองค์กรเอกชน เห็นตรงกันถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยจะต้องควบคุมโฆษณาขนมเด็ก หลังพบรายจ่ายในการซื้อขนมและน้ำอัดลมสูงถึงวันละ 135 ล้านบาท ขณะที่โฆษณาในรายการเด็กมากที่สุดในโลกถึง 42 ครั้งต่อชั่วโมง แซงหน้าสหรัฐฯ-อังกฤษถึง 4 เท่า

วันนี้ (2 ส.ค.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดเสวนา “ถึงเวลาควบคุมโฆษณาขนมเด็กหรือยัง” โดยนายอิฐบูรณ์ อ้นวงษา มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่า การควบคุมโฆษณาขนมกรุบกรอบเป็นเรื่องจำเป็น เพราะเป็นตัวกระตุ้นสำคัญจากการสำรวจของเครือข่ายเด็กไทยไม่กินหวาน พบว่า เด็กจ่ายเงินซื้อขนมและเครื่องดื่มถึงวันละเกือบ 135 ล้านบาท เฉลี่ยจากเด็กอายุ 3-12 ปีในประเทศไทย ซึ่งมีประมาณ 900,000 คน จ่ายเงินเป็นค่าขนม 8-10 บาทต่อวัน ค่าเครื่องดื่มอีก 5 บาทต่อวัน เรียกได้ว่า ตลาดขนมเด็กไทยเป็นตลาดใหญ่มาก ถ้าปล่อยให้เด็กบริโภคตามกระแสโฆษณา ที่เน้นการขายแบบไร้ความรับผิดชอบ ประเทศชาติจะต้องเสียงบประมาณเป็นทวีคูณเพื่อรักษาโรคร้ายที่ตามมา

ด้าน รศ.ดร.ปาริชาติ สถาปิตานนท์ คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า การศึกษาเรื่องอัตราความถี่การโฆษณาในรายการเด็กของกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว 13 ประเทศ เช่น ออสเตรเลีย มีการโฆษณา 12 ครั้งต่อชั่วโมง, สหรัฐฯ โฆษณา 11 ครั้งต่อชั่วโมง และอังกฤษ โฆษณา 10 ครั้งต่อชั่วโมง แต่ไทยกลับมีการโฆษณาในรายการเด็กสูงถึง 42 ครั้งต่อชั่วโมง ซึ่งอาจมากที่สุดในโลกก็ว่าได้

ดร.ประภาพรรณ จูเจริญ ผู้เชี่ยวชาญด้านสมอง สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า การปล่อยให้เด็กดูโฆษณาขนม ซึ่งฉายซ้ำ ๆ ทำให้สมองเด็กเกิดการจดจำ ติดภาพขนมเหล่านั้นอยู่ในสมอง กระตุ้นสมองส่วนอยาก พอเห็นสินค้าก็ต้องการลอง เมื่อลองแล้วจะติด เพราะขนมมีเครื่องปรุงชูรส ทำให้เด็กติด ต้องการกินมากขึ้น จนร่างกายไม่ได้สารอาหารที่มีประโยชน์ เนื่องจากเด็กไม่อาจแยกแยะอาหารที่มีประโยชน์ กับไม่มีประโยชน์ได้ จะกินแต่อาหารที่ถูกปาก ยิ่งหากมีตัวการ์ตูน ของเล่นมาล่อใจ เด็กจะยิ่งกินขนมนั้นๆ มากขึ้น อีกทั้งการใช้เด็กมาโฆษณาด้วยการทำกิริยา ท่าทาง หรือพูดจาเกินวัย มีผลกระทบต่อเด็กโดยตรง ทำให้เด็กเรียนรู้แบบผิดๆ

“การปล่อยให้เด็กเล็กดูโทรทัศน์อย่างต่อเนื่อง มีผลกระทบโดยตรงต่อการพัฒนาของสมอง ทำให้พัฒนาการช้า มีผลต่อสติปัญญา และการดูโทรทัศน์ในวัย 0-3 ปี มีความสัมพันธ์กับโรคออทิสติก เพราะเมื่อสอบประวัติเด็กออทิสติก จะอยู่หน้าจอโทรทัศน์หลายชั่วโมงกว่าเด็กปกติ จึงไม่ควรให้เด็กวัยนี้ดูโทรทัศน์ เพราะเป็นวัยที่สมองกำลังเรียนรู้รับพัฒนาการจากสิ่งแวดล้อมเพื่อเชื่อมโยงเซลล์ประสาทของสมองเข้าด้วยกัน โดยต้นทุนของเซลล์สมองถูกสร้างขึ้นตั้งแต่อยู่ในครรภ์ และถูกกระตุ้นภายหลังจากสิ่งแวดล้อม เด็กที่ดูโทรทัศน์ตั้งแต่วัยนี้จึงมีปัญหาเรื่องการใช้ภาษาจะพูดได้ช้า ไม่เข้าใจคำหรือความหมายของประโยค” ดร.ประภาพรรณ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น