วันที่ 13 เมษายนเป็น “วันผู้สูงอายุแห่งชาติ” วันที่ควรระลึกถึงผู้มีพระคุณ และแสดงความกตัญญู กตเวทิตา ในฐานะลูกหลานควรจะทำหน้าที่ตอบแทนคุณ ด้วยการดูแลเอาใจใส่ท่าน อย่างไรก็ดี คนในวัยทำงานหนุ่มสาวจำนวนมากกลับละเลย “ผู้สูงอายุ”แต่ให้ความสนใจกับสิ่งรอบตัวมากเกินไป
น.พ. ประเวศ ตันติพิวัฒนกุล ผู้ทรงคุณวุฒิ กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข แนะนำให้ หนุ่มสาววัยทำงานทั้งหลายหันมาให้ความสนใจกับ “ผู้สูงอายุ” มากยิ่งขึ้น โดยเริ่มตั้งหลักทำความเข้าใจกับชีวิต คำนึงถึงสิ่งใดสำคัญและไม่สำคัญในชีวิต อยากให้มองว่า แท้จริงแล้ว ชีวิตของผู้สูงอายุเป็นเรื่องราวที่น่าศึกษา น่าดูแล นับเป็นความสุขอย่างหนึ่ง
ทั้งนี้ สำหรับวิธีการดูแล เอาใจใส่ผู้สูงอายุประกอบไปด้วยเทคนิคและวิธีการดังต่อไปนี้
1.อย่าเอาใจผู้สูงอายุโดยไม่ให้ทำอะไรเลย เนื่องจากหากลูกหลานไม่ยอมให้ทำกิจกรรมใดๆ เลย ให้อยู่เฉยๆ จะทำให้ผูสูงอายุรู้สึกตนเองไม่มีคุณค่า ไม่รู้จะอยู่เพื่ออะไร เพราะไม่มีอะไรต้องทำแล้ว แต่ควรหากิจกรรมที่ท่านชอบ โดยคำนึงถึงสุขภาพร่างกายและจิตใจเป็นส่วนสำคัญ
2.ปรับความเข้าใจกัน ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างคนในครอบครัวเป็นสิ่งที่มีความสำคัญ ฉะนั้นควรให้ผู้สูงอายุมีเพื่อนคุย เพื่อนเล่นคลายเหงา สำหรับเรื่องในอดีตที่เคยขุ่นข้องหม่องใจระหว่างกันในครอบครัว ควรถือโอกาสนี้ปรับความเข้าใจ ขอขมาลาโทษ ลบความรู้สึกติดลบออกไปจากใจถือเป็นการมอบความสุขที่ดีที่สุด
3.ลูกหลานอาจเป็นแกนนำในการทำกิจกรรมร่วมกับผู้สูงอายุ แบ่งเวลาให้กับท่านบ้าง โดยเลือกกิจกรรมที่เหมาะกับผู้สูงอายุและครอบครัว บางครอบครัวที่ผู้สูงอายุมีข้อจำกัดด้านสุขภาพร่างกายก็จัดกิจกรรมท่องเที่ยวพักผ่อนในวันหยุด
4.ไปวัดทำบุญทำทานทำจิตใจให้สงบ ช่วงวัยนี้ผู้สูงอายุจะมีความสนใจเรื่องเกี่ยวกับศาสนาอยู่แล้ว คนที่ไม่เคยสนใจก็จะเริ่มเข้าวัดเข้าวานึกถึงบาปบุญคุณโทษ ฉะนั้นการไปทำบุญ ฟังเทศน์ฟังธรรมที่วัดโดยเฉพาะอย่างยิ่งการไปทั้งครอบครัวจะทำให้เด็กได้ซึมซับคุณธรรม และธรรมชาติของชีวิต
5. หมั่นตรวจโรคสม่ำเสมอ หากไม่ประสบอุบัติเหตุหรือป่วยเสียก่อน คนเรามีอายุขัยเฉลี่ยประมาณ 100-120 ปี แต่ด้วยวิถีชีวิต การกินอยู่ทำให้เกิดเป็นโรคต่างๆ มากมาย รวมทั้งโรคที่เกิดจากกรรมพันธุ์เช่น โรคหัวใจ ดังนั้นสิ่งสำคัญคือการดูแลสุขภาพป้องกันไม่ให้เกิดโรค ซึ่งในผู้สูงอายุหากเกิดอาการป่วยเพียงเล็กน้อยก็อย่านิ่งนอนใจคิดว่าเป็น วัยที่สังขารเริ่มเสื่อม เพราะมีอาการของหลายๆโรคที่ขยายผลกระทบออกไปมาก เช่น โรคเบาหวานซึ่งถ้ารักษาไม่ดีก็จะกระทบระบบการทำงานอื่นของร่างกายโดยเฉพาะสมอง ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นผลเสียต่อความสามารถในการดำเนินชีวิตประจำวัน