สส.เพื่อไทย เชื่อ “ทักษิณ” โกอินเตอร์ครั้งนี้ ประเทศได้ประโยชน์ การพบกันของนายกฯ มาเลย์ กับนายใหญ่ จะช่วยผลักดันการปัญหาเมียนมาได้เป็นรูปธรรมเร็วขึ้น หลังจากล่าช้ามานาน
วันนี้ (4 ก.พ.) นายนพดล ปัทมะ สส. พรรคเพื่อไทย อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เห็นว่า การที่ท่านอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร เดินทางไปต่างประเทศ เพื่อพบกับ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีของมาเลเซีย และในฐานะประธานอาเซียน ทราบว่า มีการโฟกัสประเด็นเรื่องการแก้ไขปัญหาในเมียนมา นับว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีและถือว่ามาถูกทาง ตนเชื่อมั่นว่าประสบการณ์และคอนเนกชันของนายทักษิณ ชินวัตร จะช่วยให้การคลี่คลายปัญหาและสร้างสันติภาพในเมียนมาได้เกิดขึ้นเป็นจริงมากขึ้น เพราะต้องยอมรับว่า ปัญหาของเมียนมานั้นกระทบต่อความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของอาเซียนมานาน และแม้อาเซียนมีฉันทามติ 5 ข้อหลายปีแล้ว แต่ก็ผลักดันได้ค่อนข้างน้อย และยังไม่มีความคืบหน้าที่เป็นรูปธรรมและปัญหาภายในเมียนมาเองก็กระทบกับไทยโดยตรง และกระฉอกข้ามแดนมายังฝั่งไทยเป็นประจำทุกปี เช่น ทุกหน้าแล้งก็มักจะมีการสู้รบกับชนกลุ่มน้อยและมีผู้อพยพข้ามฝั่งมาฝั่งไทย หน้าหนาวก็มีปัญหาเรื่องฝุ่น PM 2.5 และยังมีเรื่องของคอลเซ็นเตอร์และการค้ามนุษย์ที่เราทราบดีว่ามีผลกระทบต่อประเทศไทยและประเทศอื่นๆ ตนจึงมีความหวังว่า การขับเคลื่อน การแก้ไขปัญหาสร้างสันติภาพในเมียนมาของนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ประธานอาเซียนคนปัจจุบัน และของนายทักษิณ ชินวัตร ประธานที่ปรึกษาประธานอาเซียน จะเป็นการผนึกกำลังเดินหน้าแก้ไขปัญหาสร้างสันติภาพในเมียนมาอย่างเป็นรูปธรรม เพราะการต่างประเทศหรือการทูตนั้น จะใช้วิธีการเดิมๆ คือ โนแอกชันทอล์กโอนลี่ คือ มีแต่พูดกันไปแต่ไม่มีผลสำเร็จเป็นรูปธรรมก็ไม่ได้
“ตนจึงเชื่อมั่นในตัวอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร และนายอันวาร์ อิบราฮิม ถ้าผนึกกำลังเข้ากับอาเซียน 10 ประเทศ และร่วมมือกับประเทศมหาอำนาจในภูมิภาค เช่น จีน อินเดีย จะช่วยเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์เร็วขึ้น นายทักษิณ และนายอันวาร์ เป็นผู้นำที่มีความรู้ความสามารถและเน้นผลสัมฤทธิ์ของงาน ถ้าแก้ปัญหาและสร้างสันติภาพในเมียนมาได้สำเร็จ จะช่วยให้มีอาเซียนมีความเป็นปึกแผ่นและประเทศไทยก็ไม่ต้องแบกรับภาระปัญหาจากประเทศเพื่อนบ้านปีแล้วปีเล่าอีกต่อไป”