เมืองไทย 360 องศา
หากบอกว่าเป้าหมายของ “โทนี่” นายทักษิณ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทยคือ 310 ที่นั่ง แบบให้ชนะขาด หรือเรียกว่าเป้าหมาย “แลนด์สไลด์” ในแบบของพวกเขา ที่หวังจะตั้งรัฐบาลพรรคเดียวโดยไม่ต้องพึ่งพา ส.ว.ในตอนโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในรัฐสภา ที่ต้องใช้เสียงไม่น้อยกว่า 376 เสียง และหากมองในภาพของ “ขั้วการเมือง” ก็ถือว่าพรรคเพื่อไทย ก็เป็นอีกขั้วหลักขั้วหนึ่ง
ขณะเดียวกัน “อีกขั้วหนึ่ง” นาทีนี้ถือว่ามีความชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ นั่นคือ ฝ่ายพรรคร่วมรัฐบาลเดิม ที่นอกเหนือจากพรรคพลังประชารัฐ ภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์ เป็นหลักแล้ว ตอนนี้ยังมี พรรครวมไทยสร้างชาติ ที่มี “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นแกนหลักของพรรค
แม้ว่าลักษณะจะยังเป็นแบบรวมกัน “หลวมๆ” เนื่องจากต้องรอผลการเลือกตั้งออกมาก่อน แต่จากการเคลื่อนไหวและท่าทีล่าสุดของ “ลุงป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคที่ประกาศไม่ร่วมกับเพื่อไทยและก้าวไกล โดยสาเหตุมาจากเรื่อง มาตรา 112
อย่างไรก็ดี แม้ว่าในความชัดก็ยัง“ดูเหมือนไม่ชัด” ซ้อนเข้ามาอีกชั้นหนึ่งก็ตาม แต่มาถึงขั้นนี้แล้วมันก็เหมือนกับการถูกผลักออกมาจาก “ขั้วของทักษิณ” อย่างเป็นทางการแล้ว เพราะสำหรับเพื่อไทยแล้วยิ่งคลุมเครือกับพรรคพลังประชารัฐมากเท่าไร มันย่อมมีผลต่อคะแนนเสียง และมวลชนมากเท่านั้น จะกลายเป็นว่าจะเทไปทางพรรคก้าวไกล ที่มีฐานเดียวกันนั่นแหละ นี่จึงเป็นสาเหตุที่ก่อนหน้านี้ “โทนี่” ถึงได้ออกมาเท “ลุงป้อม”
วกกลับมาที่อีกขั้วคือฝ่ายพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งหากพิจารณาถึงความเป็นไปได้ในการเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลก็น่ามีสองพรรคคือ ภูมิใจไทย ที่นำโดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค กับ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์ของพรรค แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ส่วนพลังประชารัฐ พิจารณาจากแนวโน้มและกระแสแล้ว นอกเหนือจากเป็นพันธมิตรในพรรคร่วมรัฐบาลแล้วยังเป็น “ตัวแปร” สำคัญอีกด้วย
อย่างไรก็ดี หากโฟกัสเฉพาะ “บิ๊กตู่” และพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่มองว่าเริ่มมี “กระแสแรง” และยังกลายเป็นพรรคพลังใน“ขั้วฝั่งไม่เอาทักษิณ” และการที่เขาประเมินตัวเลขส.ส. “เกินร้อย” มันก็ย่อมเกิดจากความมั่นใจ และมีเป้าหมายไม่ต่างจากที่ฝ่ายเพื่อไทย ตั้งเป้าหมายแลนด์สไลด์ ซึ่งสำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ มันก็เหมือนการส่งสัญญาณแบบ “เลือกให้ขาด” เช่นเดียวกัน
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึง กรณีนายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ประกาศว่า จะไม่ร่วมจับมือจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล มองอย่างไร ว่า ไม่ได้มอง
เมื่อถามว่า นายกฯได้พูดคุยอะไรกับ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพปชร.ในเรื่องนี้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็พูดคุยเรื่องทั่วๆ ไป เมื่อถามย้ำว่า ได้มีการพูดคุยกันถึงเรื่องการเตรียมจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่เคยคุยกัน เรื่องพวกนี้เป็นสิทธิของแต่ละคน แต่ละท่าน และท่านก็เป็นหัวหน้าพรรค ตนไม่ได้เป็นศัตรูกับใครอยู่แล้ว ตนต้องการทำเพื่อชาติบ้านเมือง เพื่อประชาชน อะไรที่ดีก็ว่ากันไป อย่ามาพูดว่าแต่ แต่ทั้งหมดมันคืออนาคต มันยังไม่เกิด อย่าเพิ่งไปคิดมัน
เมื่อถามอีกว่า มองว่า พรรคพปชร.เล่นบทสองหน้าหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่ได้มอง ตนไม่ได้มองใครทั้งสิ้น ตนมองว่ารัฐบาลจะทำอะไรเพื่อประชาชนได้บ้าง ทั้งวันนี้และวันหน้าไม่สร้างภาระไว้ให้กับคนอื่น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นายกฯ ยืนให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ชายวัยกลางคน ที่ปีนต้นไม้ด้านข้างทำเนียบรัฐบาล ได้ตะโกนส่งเสียงดังถึงนายกฯ ตลอดเวลาช่วงที่ให้สัมภาษณ์ จนทำให้นายกฯ ถามว่า “ใครอ่ะ” จากนั้นผู้สื่อข่าวตอบว่า “เขามาปีนต้นไม้ตะโกนหานายกฯ เป็นชั่วโมงแล้ว” พล.อ.ประยุทธ์ จึงกล่าวว่า “หรือ ไปบอกว่านายกฯเขาทำงานอยู่”
เมื่อถามว่า ได้ฟังตัวแทนจากพรรค รทสช.ไป ขึ้นเวทีดีเบตร่วมกับพรรคการเมืองอื่นหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ก็โอเค ก็บอกให้สุภาพเรียบร้อย ไม่ไปทะเลาะอะไรกับใคร นโยบายของผมคือไม่ไปอะไรกับพรรคอื่นๆ ไม่ว่าจะรู้จักหรือไม่รู้จัก ผมไม่ใช่ฝ่ายตรงข้ามกับใคร เพราะผมมองประเทศชาติและประชาชนเป็นหลักตลอดเวลา และทุกคนไม่ใช่ศัตรูของผม ให้เกียรติซึ่งกันและกัน
ถามว่า กระแสตอบรับของพรรค รทสช.ตอนนี้เป็นอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ก็ดีอยู่ มีอะไรเสียหายหรือ” เมื่อถามว่า ทางพรรค รทสช.ได้ทำโพลของพรรคมารายงานอย่างไรบ้างหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “คุณก็รู้เองอยู่แล้วไม่ใช่หรือ ก็โอเค ก็ยังรับได้อยู่”
เมื่อถามว่า การหาเสียงในช่วงโค้งสุดท้ายจะมีนโยบายเด็ดอะไรออกมาแบบเปรี้ยงๆ หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ไม้เด็ดเป็นอย่างไร กลยุทธ์ของผมมีอยู่แล้ว ที่ทำทุกวันนี้ก็เป็นกลยุทธ์ของผม แต่ทำอะไรก็ตามก็ต้องมีความระมัดระวัง ผลประโยชน์โดยรวมของประเทศชาติ และประชาชนที่เขาได้รับอยู่แล้วจะทำอย่างไรไม่ให้เขาได้รับผลกระทบในการทำอะไรใหม่ๆขึ้นมา ถ้าทำใหม่ๆ ขึ้นมาแล้วคนเก่าๆ ไม่ได้อะไรเลย แล้วจะยอมกันไหมล่ะ ผมไม่อยากจะทะเลาะเบาะแว้งกับใคร กรุณาใช้วิจารณญาณใคร่ครวญให้ดีแล้วกัน ฝากสื่อด้วยแล้วกัน”
ซักว่า คิดว่าพรรค รทสช.จะได้เสียงทะลุ 100 หรือไม่ เพราะดูเหมือนทางพรรคมีความมั่นใจ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว่า “ก็คงต้องมั่นใจละมั้ง ธรรมดาทุกพรรคก็ต้องมั่นใจ เราเป็นประธาน คณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรครทสช. ก็ต้องมั่นใจละจ้ะ ในสิ่งที่เราทำวันนี้ทำด้วยความถูกต้องสุจริตและยุติธรรม ซึ่งเป็นนโยบายของพรรค หัวหน้าพรรคเขาก็ดำเนินการตามนี้ขอให้เชื่อมั่นก็แล้วกัน แต่ถ้าทุกคนต้องการอะไรที่มันหวือหวาก็ไม่รู้จะทำอย่างไร แต่ต้องระมัดระวังความเสียหายขนาดใหญ่จะตามมา เมื่อถามย้ำว่า คิดว่าพรรคเพื่อไทยจะได้เกิน 310 เสียงหรือไม่ ถึงหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “คิดทำไมเล่า ใครเท่าไหร่ก็เท่านั้น เรื่องของท่าน มันต้องคิดไปล่วงหน้าทำไม”
แน่นอนว่า หากเป้าหมายของ“ลุงตู่” และพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้ “เกินร้อย” จริงๆ มันก็ย่อมเป็นไปได้สูงที่เขาจะกลับมาอีกรอบ และเป็นแกนนำรัฐบาล โดยมีพันธมิตรเดิมๆที่รวมตัวกันหลวมๆในเวลานี้อีกครั้ง ขณะเดียวกันก็ต้องจับตาดูความเคลื่อนไหวกับข่าวการพบหารือกันในวันสงกรานต์ของ “พี่น้อง 3 ป.” ที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯในตอนบ่ายวันที่ 13 เมษายนนี้ด้วย เพราะมันจะเห็นภาพชัดเจน !!