xs
xsm
sm
md
lg

ศึกชิงจ้าวยุทธจักรสีกากีไม่มีกระเพื่อม “บิ๊กเด่น” เข้าป้ายต่อ “สุวัฒน์” **เบื้องหลังสภาล่ม ดีลลับ ไม่ลับ พลิกสูตร 500 กลับไปหาร 100

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ข่าวปนคน คนปนข่าว

**ศึกชิงจ้าวยุทธจักรสีกากีไม่มีกระเพื่อม “บิ๊กเด่น” เข้าป้ายต่อ “สุวัฒน์”

เผยเส้นทาง“บู๊-บุ๋น” โชกโชน วงการซูฮกทั้งงานบริหารและปราบปราม

ถ้าสังเกตดีๆ ศึกชิงบัลลังก์สีกากีปีนี้ไม่มีสงครามใต้ดิน กองเชียร์ของแต่ละ“บิ๊ก” ต่างทำหน้าที่แบบถ้อยทีถ้อยอาศัย ส่วนใหญ่อิงแหล่งข่าวยึดข้อมูลจริงเป็นหลักและทุกสำนักสื่อต่างชี้ไปในทิศทางเดียวกันว่า ตำแหน่งผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถัดจาก “บิ๊กปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ไม่พ้น “บิ๊กเด่น” พล.ต.อ.ดำรงค์ศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ฝ่ายกิจการพิเศษ ไปได้อย่างแน่นอน แม้ก่อนหน้า 1-2 เดือนที่ผ่านมา จะมีแรงเชียร์ของ“บิ๊กหิน” พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ และ “บิ๊กรอย” พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร.ฝ่ายปราบปราม 2 ออกมาลุ้นให้เป็นสีสันบ้าง แต่พอโค้งสุดท้ายทุกอย่างกลับไปลงตัวที่ “บิ๊กเด่น” โดยวงในทราบกันดีว่ามีผลงานเป็นที่ถูกอกถูกใจ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี อีกทั้งยังเป็น “น้องเลิฟ”ที่ “บิ๊กปั๊ด” ไว้วางใจ ชื่อของ พล.ต.อ.ดำรงค์ศักดิ์ จึงลอยเด่นไร้ตัวสอดแทรก

ประวัติการทำงานและเส้นทางราชการของนายตำรวจท่านนี้ เป็น นรต.รุ่น 38 และนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 22 รุ่นเดียวกับ “พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตรแก้วแท้” ผบ.ทบ. นิ๊กเนมชื่อ “เด่น” มาจากมีพื้นเพเป็นชาว อ.เด่นชัย จ.แพร่ เพื่อนๆ จึงเรียกกัน ชีวิตช่วงรับราชการเป็นรองสารวัตร ไม่มีอะไรหวือหวา แต่มามีแววน่าจับตามองเมื่อก้าวมาเป็นนายเวรติดตาม “บิ๊กฮ้อ” พล.ต.อ.สมชาย วาณิชเสนี อดีต รอง ผบ.ตร.

พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข
นรต.16 รุ่นนี้ ยังมีนายตำรวจชื่อดังอีกหลายท่าน อาทิ พล.ต.ท.วรรณรัตน์ คชรักษ์ พล.ต.อ.อัยยรัช เวสสะโกศล พล.ต.ท.สมเกียรติ พ่วงทรัพย์ และ พล.ต.ท.ทวี ทิพย์รัตน์ เป็นต้น

เมื่อครั้งเป็นผู้บังคับการตำรวจนครบาลเหนือ จุดนี้เอง “บิ๊กเด่น” จึงได้เรียนรู้ประสบการณ์ตำรวจอย่างแท้จริง ทั้งด้านสืบสวน ด้านสายตรวจ ด้านการบริหารโรงพัก อันเป็นหัวใจสำคัญของการขึ้นเป็นผู้บังคับบัญชาระดับสูง

ต่อจากนั้น เขามีโอกาสได้รับตำแหน่งหลักตามโรงพักต่างๆ เช่น เป็น สวป. เป็น ผกก.และเคยทำงานใกล้ชิดกับ “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีต ผบ.ตร. (นรต.36) สมัยที่ “บิ๊กแป๊ะ” เป็นผู้การ191 นอกจากสัมพันธ์พิเศษระหว่าง นรต.36 กับ นรต.38 แล้วยังมีเรื่องของฝีไม้ลายมืออันเป็นที่ประจักษ์ของรุ่นพี่ เรียกว่า “ครบเครื่อง” จากนั้นไม่นาน จึงได้ขึ้นเป็นนายพลตำแหน่ง เป็น ผบก.จ.อำนาจเจริญ ก่อนขยับมาถิ่นเก่ากองบัญชาการตำรวจนครบาล เป็น ผบก.น.2 และย้ายไปเป็น ผบก.จ.พะเยา เลื่อนเป็น รอง ผบช.ภ.5 ผบช.ภ.3 เลื่อนเป็น ผู้ช่วย ผบ.ตร. และรอง ผบ.ตร. ก่อนเต็งจ๋า “ว่าที่ ผบ.ตร.” ซึ่งถ้าไม่ผิดพลาดจากนี้ เขาจะเกษียณอายุราชการในปี 2566 หรือมีเวลาทำงานในตำแหน่งสูงสุดของวงการสีกากีเพียง 1 ปี

พล.ต.อ.ดำรงค์ศักดิ์ กิตติประภัสร์
หลังจาก“ฟันธง”ตำแหน่งว่า ที่ ผบ.ตร. อย่างไม่กลัวหน้าแหกหรือ “ธงหัก” ประเด็นที่วงการสีกากีให้คว่ามสนใจไม่น้อย หรืออาจจะมากกว่าก็คือ การขยับของตำแหน่ง ผู้ช่วย ผบ.ตร. ซึ่งคาดว่าจะมีตัวเต็งแทนตำแหน่งว่าง 4 นาย เรียงลำดับอาวุโส คือ “พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน” นักเรียนนายร้อยอบรม “พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล” นรต.47 “พล.ต.ท.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์” นรต.41 และ “พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล” นักเรียนนายร้อยอบรม

และเมื่อม้า 4 ตัวเข้าซอง ตัวเต็งที่สื่อทุกสำนักรวมทั้งแวดวงสีกากีจับตามองที่สุดก็คือ ก้าวย่างของ “สองบิ๊ก” ผู้ยิ่งใหญ่นั่นคือ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล กับ พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล โดยนายตำรวจคนแรก จะเกษียณอายุราชราวปี 2574 ส่วน “บิ๊กต่อ” เกษียณฯในปี 2567 หรือคิดง่ายๆ วิเคราะห์ง่ายๆ ถ้าเขาพลาดตำแหน่ง ผบ.ตร. ในปีสุดท้าย ก็จะไม่มีโอกาสแก้ตัวอีกเลย ดังนั้นการเติบโตในตำแหน่ง พ.ต.อ. จนเป็น ผบช. หรือ พล.ต.ท. “บิ๊กต่อ” ใช้เวลาทำลายสถิติประเทศไทยเพียง 4 ปี 7 เดือนเท่านั้น เหลือเวลาอีกน้อยนิด แต่จะถึงสุดยอดแล้ว นาทีนั้นอะไรก็เกิดขึ้นได้ แม้การเมืองจะเปลี่ยนก็ตาม!!!???



**เบื้องหลังสภาล่ม ดีลลับ ไม่ลับ พลิกสูตร 500 กลับไปหาร 100

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
การประชุมรัฐสภา เพื่อพิจารณากฎหมายลูกเลือกตั้งสูตรหาร 500 เป็นวันสุดท้ายตามกรอบเวลา 180 วัน เมื่อวานนี้ (10 ส.ค.) ก็ล่มไปตามคาดหมาย ไม่ผิดไปจากที่มีกระแสข่าว ก่อนหน้านี้ ว่าสองพรรคใหญ่มี“ดีลลับ”

จับมือกันใช้ “กลไกทางสภา” สั่งสมาชิกไม่เข้าประชุม ให้“สภาล่ม” เพื่อคว่ำสูตร500 กลับไปใช้สูตรหาร100

ก่อนจะถึงวันพิจารณากฎหมายลูกนัดสุดท้ายนี้ “หมอระวี” นพ.ระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ ที่เป็นตัวแทนพรรคเล็ก ออกหน้าผลักดันสูตร 500 มาอย่างขันแข็ง ก็ออกมาปูดว่า ที่สูตรคำนวณ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ พลิกไปพลิกมา เดี๋ยวจะเอา 500 เดี๋ยวจะกลับไป 100 เพราะมันมีส่วนเกี่ยวพันกับเรื่องวาระ 8 ปีของนายกฯ

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
แม้ทางพรรคพลังประชารัฐจะเชื่อว่า วาระนายกฯของ“บิ๊กตู่” ยังไม่หมดในวันที่ 23 ส.ค.นี้ ซึ่งอาจจะไปหมดเอาปี 68 หรือ ปี 70 แต่ถ้ามีอุบัติเหตุ ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินออกมาว่าเป็นวันที่ 23 ส.ค.นี้ “บิ๊กตู่” ก็ตกเก้าอี้ทันที

ต้องเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่...ชื่อของ“เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล ซึ่งเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ของพรรคภูมิใจไทย ก็โดดเด่นเป็น “เต็งหนึ่ง” ขึ้นมาทันที

แต่ก็ว่ากันว่า “3ป.” ไม่ต้องการให้ “เสี่ยหนู” ขึ้นเป็นนายกฯ จะด้วยเหตุผลกลใดก็สุดจะเดา แต่เอาเป็นว่า ถ้า “3ป.”ไม่เปิดไฟเขียว “เสี่ยหนู” ก็เป็นนายกฯในช่วงเวลาที่เหลือนี้ยาก เพราะเสียงส.ส.ไม่พอ เสียงส.ว.ก็ไม่มีอยู่ในมือ

เมื่อเลือกนายกฯตามที่มีชื่ออยู่ในบัญชีไม่ได้ ก็ยังมี “ก๊อกสอง” คือเอา “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เสียบเข้ามาเป็นนายกฯ คนนอก

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว
แต่การที่ “บิ๊กป้อม” จะเข้ามาขอโอกาสเป็น “นายกฯคนนอก” ได้ ก็ต้องผ่านด่านสำคัญ สองขยักก่อน อันดับแรกต้องมี ส.ส.-ส.ว. รวมกัน “ไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง” ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา เข้าชื่อกัน เสนอต่อประธานรัฐสภา ขอให้รัฐสภามีมติยกเว้นเพื่อไม่ต้องเสนอชื่อนายกฯ จากผู้มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองแจ้งไว้

ขณะนี้มีส.ส.ทั้งหมด 474 คน และมี ส.ว.ทั้งหมด 248 คน รวมเป็น 722 เสียง ดังนั้นจำนวนกึ่งหนึ่งของสมาชิกของสองสภาก็คือ 361เสียง

เมื่อประธานรัฐสภาจัดให้มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภาแล้ว ก็ต้องมีเสียง “ไม่น้อยกว่าสองในสาม” ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา ยินยอมให้มีนายกฯคนนอกได้ จากนั้นจึงจะดำเนินการเลือกนายกฯ นอกบัญชีพรรคการเมืองต่อไป

นพ.ระวี มาศฉมาดล
ขยักที่สองนี้ ต้องใช้เสียง ส.ส.-ส.ว. อย่างน้อย 481 เสียง ซึ่งไม่ใช่จะรวบรวมกันได้ง่ายๆ ...ตรงนี้แหละที่ “บิ๊กป้อม” ต้องไปพึ่งเสียงฝ่ายค้าน และหากจะเอาชัวร์ ก็ต้องไปพึ่งพรรคใหญ่

จึงเป็นที่มาของ “ดีลล้มสูตร 500” โดยใช้กลไกทางสภา

“พรรคเพื่อไทย”ได้กลับไปใช้สูตรหาร 100 ตามที่คาดหวังว่าจะทำแลนด์สไลด์ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ...ส่วน “บิ๊กป้อม” ได้เสียงสนับสนุนเป็นนายกฯคนนอก หาก“บิ๊กตู่”เจออุบัติเหตุ

แต่ถ้าไม่มีอุบัติเหตุ ก็ไม่ถึงกับเสียเปล่า เพราะ“ดีล” นี้ก็เหมือนเป็นการเริ่มต้นสานสัมพันธ์ ที่ดีต่อกัน เพราะอาจมีเรื่องต้องพึ่งพาอาศัยกันหลังเลือกตั้งครั้งหน้า

ดีลับที่ไม่ลับนี้ จะเป็นมีส่วนจริง หรือแค่ มโน ต้องดูกันยาวๆ !!




กำลังโหลดความคิดเห็น