เมื่อ ป.ป.ส.พายเรือวนอ่าง “กัญชา” ขวางกระแสแพทย์-พืชเศรษฐกิจ! ถึงคิวเอาให้รู้ดำรู้แดง เรียกเคลียร์ด่วน ปมตีความ “ปลดล็อก” กม. “น้าแอ๊ด-อ.ไข่” ร่วมแจม **“ปู-ยิ่งลักษณ์” อยู่ว่างๆ รอคดี งานรีวิวก็มา

ข่าวปนคน คนปนข่าว

**เมื่อ ป.ป.ส.พายเรือวนอ่าง “กัญชา” ขวางกระแสแพทย์-พืชเศรษฐกิจ! ถึงคิวเอาให้รู้ดำรู้แดง เรียกเคลียร์ด่วน ปมตีความ “ปลดล็อก” กม. “น้าแอ๊ด-อ.ไข่” ร่วมแจม

เมื่อปมประเด็นการตีความ “กัญชา” กลายเป็นข้อถกเถียงกันทางกฎหมายระหว่างพรรคภูมิใจไทย ผู้ผลักดันนโยบาย กับ ป.ป.ส. ผู้บังคับใช้กฎหมาย จนสังคมสับสนว่าตกลงเรื่องนี้จะไปยังไงต่อ

หลังจากนั้น ก็มีกูรู ออกมาอธิบายความมากหน้าหลายตา รวมถึง ป.ป.ส. ที่ค้านหัวชนฝา กระทั่ง วันก่อน “อ.วิชา มหาคุณ” คณบดีคณะนิติศาสตร์ ม.รังสิต และ ผอ.หลักสูตรนิติศาสตรดุษฎีบัณฑิต คณะนิติศาสตร์ ม.รังสิต อดีตกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และ อดีตประธานแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวในศาลฎีกา ออกมากล่าวถึงเรื่องนี้ ว่า กฎหมายใดก็ตามที่ออกมา ไม่อยากให้ประชาชนรู้สึกว่าออกมาแล้วบังคับใช้ไม่ได้ ไม่มีประโยชน์ ใช้แล้วเกิดปัญหา จนทำให้เจตนารมณ์ของกฎหมายมันถูกทำลายไป

ขอย้อนกลับไปที่การเกิดขึ้นของประมวลกฎหมายยาเสพติด มาจากแรงผลักดันของ “พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา” อดีต รมว.ยุติธรรม กฎหมายฉบับนั้น มีคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณา ก่อนจะมาชั้น สนช. แล้วมันก็ตกไป เพราะประเด็นของกัญชา สนช.เลยปรับมาเป็นให้กัญชานำมาใช้ได้แต่ในทางการแพทย์ และการวิจัย การศึกษา


ส่วน “กัญชา” ยังเป็นยาเสพติดหรือไม่นั้น ให้ดูประมวลกฎหมายยาเสพติด ซึ่งกัญชามีการเขียนไว้ใน มาตรา 8 ของประมวลกฎหมายฉบับนี้ ว่า บรรดากฎกระทรวง ระเบียบ ประกาศ ตาม พ.ร.บ.ฉบับเดิม ให้ใช้อยู่ แต่ต้องไม่ขัดหรือแย้งกับประมวลฯฉบับปัจจุบัน และการที่ตำรวจไปจับต้องเทียบให้ชัด กับประกาศที่ รมว.สาธารณสุข ออกมาว่า สิ่งที่ไม่เป็นยาเสพติดมีอะไรบ้าง

เรียกว่า กระจ่างกันขึ้นมาพอสมควร แต่ก็ยังมีประเด็นถกเถียงดรามากันต่อเนื่อง

ฟังว่าวันพฤหัสฯที่ 20 ม.ค.นี้ “ปกรณ์ มุ่งเจริญพร” ประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข สภาผู้แทนราษฎร ส.ส.สุรินทร์ พรรคภูมิใจไทย ได้เชิญผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น เลขาธิการ ป.ป.ส. ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ผบ.ตร. และอีกหลายๆ คน ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการใช้กฎหมายบังคับใช้กฎหมายมาหารือกัน

เรื่องที่จะหารือแน่นอนว่าเป็นประเด็นการถอดกัญชาออกจากยาเสพติด ประเภทที่ 5 ตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย พ.ร.บ.ให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. 2564 มีผลใช้บังคับ วันที่ 9 ธ.ค. 64 ซึ่งมีการถกเถียง เห็นแย้ง ทั้งผู้ใช้กฎหมายและผู้ออกกฎหมาย

ในฐานะประธาน กมธ.สาธารณสุข “ปกรณ์” เห็นข้อกฎหมายที่เปลี่ยนแปลงล่าสุด ว่า เจ้าหน้าที่รัฐยังตามไม่ทันเรื่องกฎหมาย และถือปฏิบัติตามไม่ทัน นี่คือข้อเสีย ของผู้ที่ปฏิบัติยึดกฎหมายตามปฏิบัติ และตัวเองตามไม่ทันกฎหมาย


เรื่องนี้อยู่ในความสนใจของสังคมพอ ปรากฏความเห็นแย้งออกสื่อ บ้างก็เข้าใจผิด บ้างก็เข้าใจถูก ซึ่งการแก้กฎหมายผลักดัน “กัญชา” ที่ผ่านมา ต้องยอมรับมาไกลแล้ว โดยเฉพาะในฐานะที่กัญชาเป็นพืชสมุนไพร มีประโยชน์ทางการแพทย์ และมองกันว่าจะเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีอนาคต

เห็นได้จาก ปีที่แล้ว ความเคลื่อนไหลหลังจาก “ปลดล็อก” กัญชา ทำให้ประชาชน วิสาหกิจชุมชน ผู้ประกอบการกลางน้ำ และปลายน้ำ บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯต่างขยับเคลื่อนไหวกันอย่างคึกคัก เรียกว่าเป็นปีที่กัญชา บูมขึ้นมา ถูกปลุกจากพืชใต้ดินมาสู่แนวทางที่ควรจะเป็น
ยิ่งเมื่อโลกเผชิญกับการแพร่ระบาดโควิด-19 ในต่างประเทศยิ่งให้ความสนใจวิจัยกัญชาเพื่อต่อยอดทางแพทย์ โดยเมื่อเร็วๆ นี้ การศึกษาชิ้นใหม่จากทีมวิจัยของมหาวิทยาลัย โอเรกอนสเตท (Oregon State University) พบว่า สารในกัญชา-กัญชง เช่น CBDA และ CBDG สู้กับโควิดได้


การประชุม กมธ.สาธารณสุข ในวันที่ 20 ม.ค.นี้ จึงน่าจับตามอง จะเป็นเวทีที่จะให้ทุกคนได้แสดงความคิดเห็นสรุปว่ามันจะเป็นอย่างไร เอาให้รู้ดำรู้แดงกันไปยิ่งดี เพื่อจะได้เข้าใจตรงกัน ชาวบ้านจะได้ประโยชน์

เห็นว่า นอกจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีหลายคนที่จะขอเข้าร่วมประชุมด้วย เช่น ศิลปินเพลงเพื่อชีวิต ที่ติดตามเรื่องกัญชามาอย่างใกล้ชิด “อาจารย์ไข่ มาลีฮวนน่า” ยืนยันตอบรับที่จะมาเข้าร่วมประชุมด้วย ขณะที่ “น้าแอ๊ด คาราบาว” อยู่ระหว่างประสานงาน

งานนี้ สรุปว่า สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ป.ป.ส. เป็นฝ่ายบังคับใช้กฎหมาย แต่คนออกกฎหมายในฝ่ายนิติบัญญัติผู้รู้กฎหมายขัดแย้งกัน ก็ต้องไปว่ากัน แต่ในมุมของชาวบ้าน วันนี้สะท้อนให้เห็นว่าผู้บังคับใช้กฎหมาย อยากจะยึดอำนาจเหมือนเก่า รักษาอำนาจไว้เหมือนเดิม คำถามก็คือ จะหวงไว้ทำไม ในเมื่อแก้กฎหมายไปแล้ว


มีข้อน่าสังเกตไว้ตรงนี้อย่างหนึ่งว่า กฎหมายไทยว่าด้วยกัญชานั้น เป็นฉบับใหม่ ปี 2021 ถือว่า เป็นไปตามอารยประเทศที่หลายประเทศเขาก็แก้ไขกัน เพื่อให้ทันต่อความก้าวหน้าทางการแพทย์ และ เทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป แต่ ป.ป.ส. อ้าง “single convention” ปี 1961 เดินตามกฎของยูเอ็น เมื่อ 60 ปีที่แล้ว เอามาหักล้างกฎหมายไทย ที่เพิ่งได้รับอนุมัติจากรัฐสภาไทย เมื่อปีที่แล้ว

ปลดล็อกกัญชาเดินมาไกลแล้ว โดยเฉพาะประโยชน์ทางการแพทย์-เศรษฐกิจ แต่ก็มีเหตุต้องสะดุดด้วยมุมมองติดกับดัก “ยาเสพติด” พายเรือวนอยู่ในอ่างเดิมของ ป.ป.ส. เรื่องนี้มีเงื่อนงำแน่นอน เพราะใคร? อย่างไร ? ต้องติดตามกันอย่ากะพริบตา



**“ปู-ยิ่งลักษณ์” อยู่ว่างๆ รอคดี งานรีวิวก็มา

ไม่กี่วันก่อนเพิ่งมีข่าวถูก ป.ป.ช. เตรียมฟ้องศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองละเลงงบ 240 ล้าน โรดโชว์โครงการสร้างอนาคตไทย Thailand 2020 ไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่ดูเหมือนอดีตนายกฯหญิงที่อยู่ระหว่างหลบหนีคดี “จำนำข้าว” ยังคงใช้ชีวิตชิลล์ๆ ในต่างแดน โดยเมื่อวันที่ 16 มกราคม ที่ผ่านมา “ปู” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์คลิปลงในไอจี pouyingluck_shin และ Tiktok yingluck.shinawatra พร้อมข้อความระบุว่า “เทคโนโลยีกับไลฟ์สไตล์แบบผู้หญิงๆ ที่สะท้อนมาเป็นหูฟังรุ่นนี้ น่าสนใจเลยเก็บมาเล่าสู่กันฟังค่ะ #lifestyle #newtechnology”

ในคลิป “ยิ่งลักษณ์” สวมบทเป็นนักรีวิวว่า “เขาบอกว่า Huawei ทำลิปสติก แล้วก็ฝากมาให้ เดี๋ยวขอดูก่อนนะคะว่าเป็นยังไงบ้าง อุ๊ย เหมือนจริงๆ ด้วย ลิปสติกหรือเปล่าเนี่ย แต่แท่งใหญ่ไปนิดนึงนะ สวยจังเลย ขอดูนิดนึงนะคะว่า ทำอะไรบ้าง สวยเลยค่ะ หูฟัง ดูสิคะ สีสันสวยงาม เป็นแฟชั่นของคนรุ่นใหม่จริงๆ เดี๋ยวนี้เทคโนโลยีทำมาให้ใกล้เคียงกับชีวิตประจำวันแล้วก็สามารถที่จะปรับไปกับยุคสมัยได้ เข้าท่านะคะ ดูสิคะสวย ขอบคุณคนฝากนะคะ”


หลังจากคลิปเผยแพร่ออกไป ได้มีบรรดาแฟนคลับต่างเข้ามาแสดงความชื่นชอบคลิปดังกล่าว รวมทั้ง “เอม” พินทองทา และ “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร หลานสาวที่เข้ามาแสดงความเห็นว่า “คิดถึงคุณอา” ด้วย

จากข้อมูล หูฟังหัวเว่ย ที่ทำเคสใส่เป็นรูปร่างหน้าตาเหมือนกับลิปสติกนี้ มีชื่อว่า HUAWEI FreeBuds Lipstick สนนราคาอยู่ที่ประมาณ 7,000 บาท

แหม..งานนี้นอกจากคดีจะเข้ารัวๆ ถ้า ปู-ยิ่งลักษณ์ อยู่ว่างๆ หันมาเอาดีรับจ๊อบ ใช้สกิลรีวิวสินค้าแบบนี้ก็อาจจะงานเข้ารัวๆ

ใครจะรู้ ...กลับเมืองไทยมาเมื่อไหร่คงช่วยกรมราชทัณฑ์ รีวิวผลิตภัณฑ์ได้เยอะเลย