xs
xsm
sm
md
lg

ปรับ ครม.รอก่อน แต่รื้อ พปชร.เอาแน่ !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ - ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า
เมืองไทย 360 องศา



นาทีนี้เชื่อว่า สำหรับ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม คงมองถึงสถานการณ์เฉพาะหน้าก่อน ที่ต้องรีบจัดการตามลำดับเร่งด่วนก่อนหลัง โดยเฉพาะการกระชับ “ฐาน” ให้เกิดความมั่นคงขึ้นมาเสียก่อน และหากพิจารณาจาก “สองเรื่องหลัก” ที่หลายคนคาดการณ์กันเอาไว้ นั่นคือ “ปรับคณะรัฐมนตรี” กับการ “ปรับโครงสร้างในพรรคพลังประชารัฐ” จะเกิดขึ้นหรือไม่ และจะเกิดขึ้นเมื่อใด

หากให้ประเมินยังเชื่อว่าการปรับโครงสร้างในพรรคพลังประชารัฐครั้งใหม่ น่าจะเกิดขึ้นก่อนในเร็ววันนี้ โดยน่าจะเกิดขึ้นก่อนการปรับคณะรัฐมนตรี เนื่องจากพิจารณาตามสถานการณ์แล้ว กรณีหลังน่าจะสามารถรอไปก่อนได้อีกสักระยะหนึ่ง หรืออาจยังไม่ต้องปรับก็ได้

อย่างที่รับทราบกันไปแล้วว่า มีรัฐมนตรีว่างลงสองตำแหน่ง หลังจากการลาออก (ปลดออก) ของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า จากรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน หลังเกิดเหตุการณ์ความเคลื่อนไหวจาก “ขบวนการโค่น” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ระหว่างอภิปรายญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ เมื่อเกือบสองสัปดาห์ที่ผ่านมา

สำหรับสาเหตุที่ต้องมาประเมินว่า น่าจะต้องมีการปรับโครงสร้างพรรคพลังประชารัฐเกิดขึ้นก่อนการปรับคณะรัฐมนตรี เนื่องจากบุคคลทั้งคู่มีตำแหน่งสำคัญในพรรค โดยคนแรก คือ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เป็นเลขาธิการพรรค และนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เป็นเหรัญญิกพรรค ซึ่งเป็นกรรมการบริหารพรรคทั้งคู่

และสาเหตุที่มั่นใจว่า การปรับโครงสร้างพรรคพลังประชารัฐจะต้องเกิดขึ้นในเร็ววันนี้ ก็สืบเนื่องมาจากกรณี “ขบวนการโค่น” มาจนถึง “ก่อการไม่สำเร็จ” และนำมาสู่ “การปลด” พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรี ก็ถือว่า “แตกหักแบบไม่มีเยื่อใย” ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณาจากท่าทีของอีกฝ่าย คือ ร.อ.ธรรมนัส ที่กล่าวทำนองว่า “เมื่อใจไม่มีให้แล้วก็อยู่กันลำบาก”

ในความหมายแบบนี้ก็คือ จากนี้ไป ร.อ.ธรมนัส พรหมเผ่า คงจะดำรงตำแหน่งในฐานะ “เลขาธิการพรรค” ได้ลำบาก อย่างน้อยในเรื่องการแสดงบทบาท ทั้งในและนอกพรรค จะไม่สามารถทำได้แบบเดิม โดยเฉพาะหลังจากที่กลับกลายมาอยู่ในลักษณะ “ขาลอย” ไร้ตำแหน่งรัฐมนตรี รวมไปถึงตามรูปการณ์ที่ถูกมองว่า “อยู่ตรงข้าม” กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไปแล้ว ทำให้การแสดงบทบาททางการเมืองไม่เหมือนเดิมอย่างแน่นอน

ขณะเดียวกัน แม้ว่าจะมีการพูดแสดงนัยทางการเมืองระหว่างการแถลงข่าวของ ร.อ.ธรรมนัส เกี่ยวกับการพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรี ที่กล่าวว่า “ใจไม่อยู่” แล้ว รวมไปถึงกระแสข่าวการตั้งพรรคใหม่ ที่มีชื่อ “ล้านนา” ห้อยท้าย หรือจะย้อนกลับไปสู่พรรคเพื่อไทยในอนาคตจะเกิดขึ้นหรือไม่ก็ตาม แต่สำหรับสถานะในพรรคพลังประชารัฐของเขานั้น “อยู่ลำบาก” และไม่เหมือนเดิมแน่นอน

ดังนั้น เมื่อบรรยากาศที่น่าจะออกมาแบบ “อึดอัด” จึงมีการมองกันว่า น่าจะต้องมีการ “ปรับโครงสร้าง” พรรคพลังประชารัฐกันอีกรอบ และให้จับตาการประชุมพรรคในต้นเดือนตุลาคม ที่มีกำหนดเอาไว้ที่ อำเภอชะอำ จังวัดเพชรบุรี ว่าจะเกิดรายการ “เขย่า” กันครั้งใหญ่อีกหรือไม่ และยังมองอีกว่า คราวนี้จะมีแรงผลักดันจาก สายของ “กลุ่มบิ๊กตู่” ขึ้นมาหรือไม่

เพราะเหตุผลที่ต้องมีการเปลี่ยนตัว ก็น่าจะมีสาเหตุต้องการลบภาพความไม่ไว้วางใจ ความหวาดระแวงออกไปให้ได้มากที่สุด และคงเป็นไปไม่ได้ที่จะปล่อยให้อยู่ในสถานะแบบนี้ต่อไป หรืออย่างน้อย ก็ต้องมีการ “เช็กกำลัง” ตรวจแถวให้ชัดว่า มี “กลุ่มผู้กอง” อยู่กี่คนในพรรคพลังประชารัฐกันแน่ เพราะจะมีผลต่อการโหวตในสภาในอนาคต แม้ว่าจะผ่านญัตติ และกฎหมายสำคัญไปแล้ว แต่วันข้างหน้ายังมีกฎหมาย “การเงิน” ที่มีผลต่อสถานะของนายกฯ อีกหลายฉบับรออยู่

เมื่อพิจารณาจากท่าทีและความเคลื่อนไหวที่ผ่านมา จึงน่าจะเป็นเหตุผลสำคัญว่าน่าจะต้องมีการ “รื้อ” โครงสร้างพรรคพลังประชารัฐกันอีกครั้ง ส่วนจะเป็นใครที่จะมานั่งเก้าอี้เลขาธิการพรรคคนใหม่ ให้จับตา “กลุ่มสามมิตร” หรือ คนที่ “สายตรง” จาก “บิ๊กตู่” หรือไม่

ขณะที่ความจำเป็นในเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรี นาทีนี้ถือว่ายังไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนเท่าใดนัก เพราะเมื่อพิจารณาจากตำแหน่งแล้ว ถือว่าเป็นแค่ระดับรัฐมนตรีช่วยว่าการ ระดับตำแหน่งไม่ใช่ตำแหน่งหลัก เพียงแต่ว่ามีตัวบุคคลระดับเลขาธิการพรรคไปนั่งเก้าอี้ตัวนั้น ทำให้ถูกจับตามองมาตลอด อีกทั้งหากเร่งปรับในตอนนี้อาจทำให้เกิด “แรงกระเพื่อม” ขึ้นมาโดยไม่จำเป็น ทั้งจากภายในพรรคพลังประชารัฐเอง และอาจลามไปถึงพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ ตามมาอีก เรียกว่าได้ไม่คุ้มเสีย

ดังนั้น หากให้สรุปกันแบบเรียงลำดับความสำคัญเร่งด่วนก่อนหลังก็ต้องน่าจะมีรายการปรับโครงสร้างพรรคพลังประชารัฐกันใหม่อีกรอบในเร็วๆ นี้ โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ลาออก เพื่อให้กรรมการบริหารพรรคทั้งหมดพ้นสภาพ แล้วค่อยเลือกกลับมาใหม่ ขณะเดียวกัน ให้จับตาว่าตำแหน่งเลขาธิการพรรค จะเป็นใครและมาจากกลุ่มไหน แต่เชื่อว่าคราวนี้จะได้เห็นบทบาทของ “บิ๊กตู่” มากขึ้นแน่นอน ขณะที่การปรับคณะรัฐมนตรีอาจต้องรอไปก่อน อย่างน้อยก็น่าจะเป็นต้นปีหน้า !!


กำลังโหลดความคิดเห็น