xs
xsm
sm
md
lg

สิ้นหวังกับ"บิ๊กปั๊ด" ผบ.ตร.ไร้น้ำยา อ้อนผู้ร้ายคดีน้องชมพู หนีเหนื่อยก็ให้มาจับเข่าคุยกัน **ช่วยกันส่งแรงใจถึง "ผู้ว่าฯสมุทรสาคร" ให้ปลอดภัยผ่านพ้นอาการป่วยโควิด ** "ธนาธร"ใช้ส่วนไหนคิด... เลี่ยงภาษีเรื่องเล็ก คดีคนในครอบครัวไม่เกี่ยวกับตัวเอง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ข่าวปนคน คนปนข่าว



**สิ้นหวังกับ"บิ๊กปั๊ด" ผบ.ตร.ไร้น้ำยา อ้อนผู้ร้ายคดีน้องชมพู โถ.. หนีเหนื่อยก็ให้มาจับเข่าคุยกัน

กลายเป็นเรื่องวิพากวิจารณ์กันหนักในโลกโซเชียลฯ เมื่อ"บิ๊กปั๊ด" พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. พูดถึงความคืบหน้าคดี "น้องชมพู่" ที่เสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำ ที่บ้านกกกอก จ.มุกดาหาร ว่า สัปดาห์นี้ได้รับทราบจากชุดสืบสวนสอบสวนว่าจะสรุปเรื่องการแปลผลเครื่องจับเท็จ หากจะแปลผลออกมา และมีความเห็นอย่างไร ทางทีมสืบสวนสอบสวนคงจะมารายงานให้ฟัง

ในสัปดาห์นี้ยังไม่สามารถออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้องได้ ส่วนใครที่ลุ้นหมายจับอยู่ ก็ลุ้นต่อไป... อยากฝากไปบอกถึงผู้ก่อเหตุว่าบาปบุญมีจริง ท่านก็หนีได้ชั่วคราว ถ้าเหนื่อยก็ให้มาจับเข่าคุยกันดีกว่า ว่าเหตุเกิดจากอะไร

เรียกว่า คำพูดคำจาของผู้นำตำรวจยุคนี้คล้ายๆ กับอับจนปัญญาที่จะจับคนร้าย ต้องพึ่งพาจิตสำนึกของคนร้ายในเรื่องความเชื่อ ปาบ-บุญไปนู่น

"คดีน้องชมพู่" เป็นคดีที่สังคมให้ความสนใจ ตลอดเวลาที่ผ่านมาประชาชนเฝ้าติดตามการทำงานตำรวจว่าจะมีประสิทธิภาพ สร้างความมั่นใจให้ประชาชนได้หรือไม่ แต่กลับเป็นว่าประเด็นถูกเบี่ยงเป็นเรื่องไสยศาสตร์บ้าง เรื่องดรามาชีวิต "ลุงพล"บ้าง จนชาวบ้านที่อยากรู้ข้อเท็จจริงเบื่อหน่ายที่จะได้ยินได้ฟัง

จากคดีที่ควรคลี่คลายด้วยการทำงานของตำรวจจับผู้ร้ายมาลงโทษ เรียกศรัทธาความเชื่อถือของตำรวจ "บิ๊กปั๊ด"ผบ.ตร.แทนที่จะสวมบทผู้นำเหล่าพิทักษ์สันติราษฎร์ ทำความจริงเร่งรัดให้ปรากฏ กลับผสมโรงคลุก"น้ำเน่า"ลงปลักดรามาไปกะเขาด้วย ชนิดที่ต้องตั้งคำถามว่า ตอนที่พูดได้คิดก่อนพูดหรือไม่?

พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข
ต่อท่าทีของผบ.ตร.คนนี้ ถามต่อไปว่าทำให้องค์กรได้อับอายหรือไม่ กำลังพลตำรวจภายใต้บังคับบัญชาของท่านเขาจะคิดกันอย่างไร เมื่อตำรวจจับผู้ร้ายตามหน้าที่ไม่ได้ ทางออกง่ายๆ ฝากให้ผู้ร้ายคิดถึงปาบบุญ หนีเหนื่อยแล้วก็ให้เข้ามาจับเข่าคุย...อย่างนี้ทุกๆ คดีที่ตามจับผู้ร้ายไม่ได้ก็ต้องทำอะไรมาก ...ออกสื่อวอนคนร้าย ยกปาบบุญ ขอผู้ร้ายว่าหนีจนเบื่อแล้วช่วยมาหาตำรวจด้วย ถามว่าคนร้ายที่ไหนจะมา ?
ส่วนประชาชนเมื่อรู้ข่าวนี้รู้สึกอย่างไร ดูจากอารมณ์ชาวเน็ตที่แห่แหนเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันดู
"...มีที่ไหนออกมาอ้อนวอนให้คนร้ายเข้ามาคุยกับตำรวจ มันคงนั่งขำขี้แตกละมั้งป่านนี้ อย่างว่าแหละ ขนาดบ่อนเอย แรงงานเถื่อนเอย เกลื่อนกลาดยังหาไม่เจอ นับประสาอะไรกับคนร้าย...ตำรวจไทยนี่สุดยอด!!
ตำรวจคงจะหมดน้ำยาแล้วที่จะต้องตามตัวคนทำมาลงโทษ...งานนี้เหนื่อยจริงถึงกับต้องอ้อนวอนกันเลยทีเดียว
เดี๋ยวนี้ต้องใช้วิธีขอร้องให้มานั่งจับเข่าคุยกันดีกว่า ถ้าเขาเป็นคนร้ายยังจะคุยอีกหรือ มีสมองเปล่าวะ
ตำรวจมีน้ำยามั้ย บ่อนก็ให้ชาวบ้านแจ้งบอก คนร้ายก็เรียกให้มาคุย... เออง่ายดี หรือกระจอก ... คดีเป็นปี มีแต่ข่าวไร้สาระ
เรียกว่า ซีรีส์ บ้านกกกอก ที่ผบ.ตร.แสดงนำวันนี้ ทำให้ประชาชนส่ายหน้า ด้วยความผิดหวัง สิ้นหวัง กับพล.ต.อ.สุวัฒน์ จริงๆ



**ช่วยกันส่งกำลังแรงใจถึง "ผู้ว่าฯสมุทรสาคร" ให้ปลอดภัยผ่านพ้นอาการป่วยโควิด

วีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี
อัปเดตอาการป่วยของ "วีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี" ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ผู้ว่าฯ ที่ทุ่มเททำงานต่อสู่กับการแพร่ระบาดโควิดระลอกใหม่จนตัวเองได้รับเชื้อ ต้องบอกว่าน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง

ผู้ว่าฯวีระศักดิ์ ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลศิริราช และเป็นผู้ป่วยในพระราชานุเคราะห์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาตั้งแต่ช่วงก่อนสิ้นปี

จนถึงขณะนี้ "ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา" คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล บอกว่าอาการป่วยของผู้ว่าฯ ยังมีการอักเสบของปอด ยังต้องให้ยาปฏิชีวนะ ทางคลินิกถือว่าตอนนี้ยาคุมเชื้อได้อยู่ เพราะยังไม่พบการกระจายไปยังส่วนอื่น โดยให้ยาคลายกล้ามเนื้อและยานอนหลับ เพื่อลดการต้านการใช้เครื่องช่วยหายใจ ทั้งนี้จากการใช้ยาทำให้ลำไส้ทำงานช้า จึงมีการเติมอาหารทางเส้นเลือด ส่วนชีพจร ความดันโลหิต ไม่ต้องให้ยาช่วยความดัน หรือยากระตุ้นหัวใจ

พระอภิชาติ ศรีเหรา
สิ่งที่ต้องติดตามต่อคือปอด และการติดเชื้อ หลังจัดการเชื้อในปอดแล้ว สิ่งที่เป็นห่วงคือเนื้อปอดของผู้ว่าฯ ยังเหลือพอที่จะทำงานได้เอง โดยไม่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจได้หรือไม่
อาการของผู้ว่าฯ จึงต้องอยู่ในการเฝ้าระวังของคณะแพทย์อย่างใกล้ชิด
ซึ่งระหว่างนี้ มีข่าวว่า "อภิชาติ ศรีเหรา" หรือ "ปลัดต๊ะ" คนใกล้ชิดผู้ว่าฯวีระศักดิ์ มานานนับสิบปี ได้เข้าพิธีบวชพระ เพื่อต่อชะตาชีวิตให้กับผู้ว่าฯวีระศักดิ์ด้วย
โอกาสนี้ ขออนุโมทนาสาธุ ร่วมบุญกุศลกับ"ปลัดต๊ะ" ด้วย ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง ผู้ว่าฯวีระศักดิ์ ที่เป็นตัวอย่างของข้าราชการ ที่ทุ่มเททำหน้าที่พ่อเมืองสมุทรสาครอย่างหนัก เพื่อประชาชนโดยแท้จริง และอยากขอเชิญชวนทุกคน ส่งกำลังใจ ให้ท่านผู้ว่าฯ ปลอดภัย พ้นจากอาการป่วยโดยเร็ว ด้วยเทอญ



** "ธนาธร"ใช้ส่วนไหนคิด... เลี่ยงภาษีเรื่องเล็ก คดีคนในครอบครัวไม่เกี่ยวกับตัวเอง... นี่หรือคือคนที่อาสามาเป็นนายกฯ เพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไทย

ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
คงยังไม่ลืมกัน กรณีเกิดเหตุไฟไหม้เรือยอชต์ "Silvretta"ขณะจอดลอยลำอยู่ที่ท่าจอดเรืออ่าวปอ แกรนด์ มารีน่า อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เมื่อช่วงปลายเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว ...จากการตรวจสอบปรากฏว่า "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และ สกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ" และบุคคลอื่นอีก 2 คน มีชื่อร่วมกันเป็นเจ้าของ โดยเรือลำนี้ จดทะเบียนที่ "หมู่เกาะคุก" นิวซีแลนด์ ซึ่งเป็นที่รับรู้กันว่าเป็นแดนสวรรค์ของบรรดา "นักฟอกเงิน"

เกิดคำถามเและเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมาทันทีว่า ทำไม "สองพี่น้อง" ถึงต้องไปจดทะเบียนเรือไกลถึง Cook islands มีวาระซ่อนเร้นอะไร หรือไม่ หนีภาษีหรือไม่ ... แต่ "ธนาธร" ก็ปิดปากเงียบมาตลอด

กระทั่งเมื่อวันวาน (21 ม.ค) ในช่วงที่ "ธนาธร" เปิดแถลงข่าวเรื่อง"วัคซีนพระราชทาน" ที่อาคารไทยซัมมิท นักข่าวก็ถามถึงเรื่องเรือยอชต์ รวมทั้งคดีความของคนในครอบครัว เพราะ "สมพร จึงรุ่งเรืองกิจ" ผู้เป็นแม่ กำลังถูกดำเนินคดีรุกป่ากว่า 3 พันไร่ ที่ จ.ราชบุรี ขณะที่น้องชาย "สกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ" ถูกกองปราบสอบสวนคดีติดสินบนเจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพย์สินฯ เพื่อให้ได้เข้าไปบริหารจัดการที่ดินของสำนักงานทรัพย์สินฯ โดยไม่ผ่านการประมูล

คำตอบจากปาก "ธนาธร" คือ... เรื่องคดีของครอบครัวก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของกระบวนการไป เพราะไม่ใช่เรื่องที่เกิดกับตนเอง...ส่วนเรื่องเรือยอชต์ ที่ระบุว่าหนีภาษีนั้น ที่ตนเองไม่ออกมาตอบโต้ เพราะรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องเล็กมาก !!


เรือยอชต์ลำนั้น ตนและเพื่อนที่เป็นหุ้นส่วน ซื้อมาจาก บ.โบ้ต ลากูน ยอชชิ่ง เอเชีย ลิมิเต็ด ซึ่งตั้งอยู่ที่ฮ่องกง เป็นเรือมือสอง บริษัทนี้จดทะเบียนมาจาก "หมู่เกาะคุก" เป็นการซื้อขายกันตามราคาตลาด ไม่มีอะไร เรื่องเกิดขึ้นเพราะเรือไฟไหม้ มีเอกสารชัดเป็นการวางเพลิง เพื่อทำลายทรัพย์สินของตนเอง แต่ไม่อยากแจ้งความให้เป็นคดี เพราะเดี๋ยวแจ้งความไป ก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ ไปเข้าทางฝั่งโน้นอีก

ส่วนเรื่องของน้องชายนั้น "ธนาธร" บอกปัดไปว่า ถ้าอยากรู้ก็ไปดูตามที่น้องชายได้ออกแถลงการณ์ไปแล้ว จากนั้นก็เฉไฉ ไปว่า เป็นความจงใจของรัฐบาล ที่พยายามกดดันให้ตนเองหยุดการเคลื่อนไหว ทั้งที่ตนเองเข้ามามาทำงานการเมือง ไม่เคยมีเรื่องผลประโยชน์ส่วนตัว ไม่เคยคิดที่จะเอาภาษีประชาชนมาเป็นสมบัติของตัวเอง ไม่เคยคิดถึงตำแหน่ง ไม่เคยอยากเป็นส.ส. ไม่เคยอยากมีตำแหน่งรัฐมนตรี หรือเป็นนายกรัฐมนตรี ... แต่ถ้าต้องเป็นเพื่อผลักดันสังคม ให้ประเทศไทยกลับไปเป็นประชาธิปไตยที่ปกติ ก็พร้อม

คงนึกภาพกันออกว่าสังคมคิดอย่างไรกับคำให้สัมภาษณ์ของ "ธนาธร" เพราะในโซเชียลฯ มีการแสดงความเห็นกันกระหน่ำ ว่านี่หรือคือความคิดของคนที่เสนอตัวจะมาเป็นนายกฯ...เอาส่วนไหนคิดว่าเลี่ยงภาษีเรื่องเล็ก คดีคนในครอบครัวไม่เกี่ยวกับตัวเอง ... ดูแต่ละเรื่องที่คนในครอบครัวนี้ทำสิ... เรื่องภาษีเล็กๆ น้อยๆ ยังคิดจะเลี่ยง แล้วเรื่องอย่างอื่นจะไม่ทำหรือ !?




กำลังโหลดความคิดเห็น