xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กตู่” ขอบคุณบุคลากรทางการแพทย์เสียสละช่วยสถานการณ์โควิด ยันไม่ทอดทิ้งใคร

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายกรัฐมนตรี ขอบคุณบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ร่วมเสียสละปฏิบัติงานในสถานการณ์โควิด-19 ยืนยันรัฐบาลไม่ทอดทิ้งใคร พร้อมดูแลผู้ที่ได้รับผลกระทบให้มากที่สุด

วันนี้ (4 ธ.ค.) เวลา 13.30 น. ที่ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีมอบเงินช่วยเหลือแก่บุคลากรทางการแพทย์ และเจ้าหน้าที่สนับสนุนที่ได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติหน้าที่ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติม จำนวน 13 ราย จากเงินบริจาคบัญชี “สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเพื่อรับบริจาคสนับสนุนการแก้ไขปัญหาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)” จำนวน 13 ราย รวมจำนวนเงิน 670,000 บาท ซึ่งมีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี นายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี นายประทีป กีรติเรขา รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง เข้าร่วมในพิธี โดยนายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้สรุปสาระสำคัญดังนี้

นายกรัฐมนตรีมอบเงินช่วยเหลือบุคลากรทางการแพทย์ และเจ้าหน้าที่สนับสนุนที่ได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติหน้าที่ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จำนวน 13 ราย รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 670,000 บาท ตามลำดับ ได้แก่ 1. บุคลากรทางการแพทย์ที่เสียชีวิต จำนวน 1 ราย มอบเงินทุนเลี้ยงชีพสำหรับครอบครัว จำนวน 150,000 บาท ผู้รับมอบ : ทายาทนายชัยวัฒน์ ศรียอง นักรังสีการแพทย์ โรงพยาบาลลำพูน 2. เจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงานที่เสียชีวิต จำนวน 1 ราย มอบเงินทุนเลี้ยงชีพสำหรับครอบครัว จำนวน 100,000 บาท ผู้แทนรับมอบ : นายสุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน 3. อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ที่เสียชีวิต จำนวน 1 ราย มอบเงินทุนเลี้ยงชีพสำหรับครอบครัว จำนวน 100,000 บาท ผู้รับมอบ : ทายาทนางสาวนันทนิตย์ เมฆทา อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน โรงพยาบาลหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ 4. เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ติดเชื้อ COVID-19 จำนวน 7 ราย มอบเงินช่วยเหลือ รายละ 30,000 บาท รวมเป็นเงิน 210,000 บาท ผู้แทนรับมอบ : พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 5. อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ที่ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 3 ราย มอบเงินช่วยเหลือกรณีได้รับบาดเจ็บสาหัส จำนวน 2 ราย รายละ 40,000 บาท และกรณีบาดเจ็บเป็นผู้ป่วยใน จำนวน 1 ราย เป็นเงิน 30,000 บาท รวมเป็นเงิน 110,000 บาท ผู้แทนรับมอบ : นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และนายธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวแสดงความเสียใจต่อทายาทผู้เสียชีวิตและผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ โดยกล่าวว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 มีมาตามลำดับ ซึ่งการแก้ไขปัญหาโควิด-19 ที่ได้ผลดีก็เพราะบุคลากรทางการแพทย์ อสม. และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย โดยสถานการณ์โควิด-19 คงจะยังไม่สิ้นสุดในระยะเวลาอันใกล้นี้ ทุกคนจะต้องทำงานกันต่อไป ขณะเดียวกันก็ต้องมีการดูแลผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติหน้าที่ให้มากที่สุด เพราะเจ้าหน้าที่ถือว่าเป็นแนวหน้าในการเผชิญสถานการณ์โควิด-19 ในนามของรัฐบาลและคนไทยทุกคนขอขอบคุณในความเสียสละของทุกคน ที่หลายคนได้สูญเสียและบาดเจ็บ หากมีปัญหาใดขอให้ติดต่อประสานมาที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้ โดยรัฐบาลจะดูแลให้ดีที่สุด อย่างไรก็ตาม สถานการณ์โควิด-19 คงไม่ยุติโดยง่าย หลายสิ่งที่ผ่านมาจึงเป็นบทเรียนในการหาแนวทางทำให้บุคลากรมีความปลอดภัยมากที่สุด ทั้งนี้ ไม่มีใครอยากให้มีการสูญเสียหรือเจ็บป่วยเกิดขึ้น แต่เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 มีความรุนแรงในช่วงต้น จากนี้ไปคาดว่าจะไม่มีการสูญเสียอีก พร้อมขอฝากเป็นบทเรียนให้ทุกคนมีความรอบคอบในการทำงาน ต้องรู้สุขภาพของตัวเองโดยต้องตรวจสอบตัวเอง และปฏิบัติตามคำแนะนำทางด้านสาธารณสุขอยู่สม่ำเสมอ

นายกรัฐมนตรีกล่าวย้ำว่า รัฐบาลจะไม่ทอดทิ้งใครทั้งสิ้น ทั้งบุคลากรทางแพทย์ ประชาชนผู้เสียสละ โดยจะพิจารณาดูแลตามความเหมาะสม ขอให้กำลังใจทุกคนในการทำงานและสู้กันต่อไป จนกว่าสถานการณ์จะสิ้นสุด โดยเงินที่มอบให้นี้เป็นน้ำใจจากคนไทยทั้งประเทศที่ได้บริจาคสมทบกับรัฐบาล ซึ่งจะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้ได้บ้าง โดยขอให้ใช้อย่างเกิดประโยชน์สูงสุดและขอให้ดำรงชีวิตอยู่ต่อไปให้ได้ ยืนยันว่ารัฐบาลจะดูแลทุกอย่างให้ดีที่สุด ในนามของรัฐบาล คณะกรรมการฯ และคนไทย และขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ร่วมกันเสียสละปฏิบัติงานในสถานการณ์โควิด-19 ด้วยใจจริงอีกครั้ง

สืบเนื่องจากนายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการ ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2563 ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีพิจารณาจัดตั้งกองทุน สนับสนุนการดำเนินการแก้ไขปัญหาจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีจึงได้เปิดบัญชีธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาทำเนียบรัฐบาล ชื่อบัญชี “สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเพื่อรับบริจาคสนับสนุนการแก้ไขปัญหาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)” เพื่อรับบริจาคเงินดังกล่าว โดยนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีได้บริจาคเงินเป็นทุนประเดิม รวม 2,955,510 บาท รวมทั้งมีหน่วยงานภาคเอกชน และผู้มีจิตสาธารณะร่วมบริจาคสมทบ ถึง ณ วันที่ 3 ธันวาคม 2563 มียอดเงินบริจาครวมเป็นเงินทั้งสิ้น 28,287,463.42 บาท

ในการให้ความช่วยเหลือ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี โดยคณะกรรมการบริหารจัดการเงินบริจาค และทรัพย์สินเพื่อสนับสนุนการดำเนินการแก้ไขปัญหาจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ได้อนุมัติการให้ความช่วยเหลือบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขที่ได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติหน้าที่ด้าน การป้องกันและแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ไปแล้วจำนวน 88 ราย เป็นเงิน 2,980,000 บาท โดยนายกรัฐมนตรีได้เป็นประธานมอบเงินบริจาคช่วยเหลือแก่บุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขดังกล่าว เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2563 ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล คงเหลือเงินบริจาคจำนวน 25,307,463.42 บาท ในการนี้ คณะกรรมการบริหารจัดการเงินบริจาคฯ ในการประชุม ครั้งที่ 6/2563 เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2563 ได้มีมติอนุมัติจ่ายเงินช่วยเหลือแก่บุคลากรทางการแพทย์ และเจ้าหน้าที่สนับสนุนที่ได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติหน้าที่ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติม จำนวน 13 ราย รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 670,000 บาท












กำลังโหลดความคิดเห็น