xs
xsm
sm
md
lg

ชิงผู้ว่าฯกทม.“เพื่อแม้ว”เก็บฉากก่อนใคร !!

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ และ สมพงษ์ อมรวิวัฒน์
เมืองไทย 360 องศา





ไม่น่าเชื่อว่าการประกาศลงสมัครรับเลือกตั้งแบบ “อิสระ” ของ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ หนึ่งในแคดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย จะสร้างแรงกระเพื่อมทำให้เกิดรอยร้าวลึกได้มากมายแบบไม่น่าเชื่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทำให้เห็นถึงความขัดแย้งระหว่างสองขั้วภายในพรรคอย่างชัดเจน

หากย้อนรอยกลับไปไม่นานนักที่พอเห็นถึงรอยปริร้าวดังกล่าว หลังจากที่มีท่าทีออกมาผ่านทางคนใกล้ชิดหรือผู้สนับสนุน ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ทำนองว่าในการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครที่จะมีขึ้นในอีกไม่นานข้างหน้า เขาจะลงสมัครแบบอิสระ โดยให้เหตุผลว่าสามารถทำงานรับใช้พี่น้องชาวกรุงเทฯได้สะดวกกว่าการอยู่ภายใต้สังกัดพรรค(เพื่อไทย) โดยในตอนนั้นถึงขั้นมีกระแสข่าวว่า เขาจะร่วมมือกับ กรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีตรัฐนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รวมไปถึงมีอดีต ส.ส.กทม.จากบางพรรคที่มีทั้งประชาธิปัตย์ เพื่อไทย อดีต ส.ก.และส.ข.จำนวนหนึ่งให้การสนับสนุนร่วมมือกันตั้งพรรคการเมืองใหม่ขึ้นมา หรือรวมเป็น “กลุ่มการเมือง” สำหรับการเลือกตั้งผู้ว่าฯกรุงเทพมหานครเป็นการเฉพาะอะไรประมาณนั้น

อย่างไรก็ดีข่าวดังกล่าวก็คลาดเคลื่อน โดยมีการปฏิเสธจากคนของพรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะที่มีรายชื่อปรากฏเป็นข่าว เช่น กรณ์ จาติกวณิช ได้ออกมาปฏิเสธ แต่สำหรับการที่ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ จะลงสมัครในแบบอิสระ ก็ได้รับการยืนยันจากเจ้าตัวเองว่าเป็นความจริง ซึ่งการเคลื่อนไหวดังกล่าวที่เป็นเรื่อง ทำให้เกิดแรงกระเพื่อมจากภายในพรรคเพื่อไทยให้ภายนอกได้เห็นอย่างชัดเจน

อย่างน้อยก็ได้เห็นปฏิกิริยาที่เห็นขัดแย้งกันระหว่างสองขั้วสำคัญในพรรค คือกลุ่มของ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ กับ อีกกลุ่มที่นำโดยหัวหน้าพรรค สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ เพราะอย่างที่รู้กันว่าหลังจาก ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ประกาศลงสมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในนามอิสระ ได้สร้างความปั่นป่วนให้กับพรรคเพื่อไทย เพราะเมื่อถอนตัวออกไปแบบนี้ นั่นก็หมายความว่าโอกาสที่พรรคเพื่อไทยจะชนะเป็นผู้ว่าฯกรุงเทพมหานครแทบจะเป็นหมันไปเลย หลังจากที่ผ่านมาในสนามเลือกตั้งสนามเล็กในเมืองหลวงพรรคเพื่อไทยทำได้เพียงแค่ลุ้น หรือแพ้อย่างฉิวเฉียด แต่คราวนี้หากมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นเมื่อพิจารณากันตามสภาพความเป็นจริง ที่ไม่ได้กุมอำนาจรัฐ และที่สำคัญ ชัชชาติ ที่สร้างภาพเป็นผู้ “แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี” ชิ่งหนีออกไปแบบนี้มันก็ยิ่งไปกันใหญ่

หากพิจารณาจากข้อมูลและความเคลื่อนไหวที่รับรู้กันมาตลอดเวลานี้ พรรคเพื่อไทยมีการแตกแยกให้เห็นมานานแล้ว เพียงแต่ว่าเหมือนกับว่าต่างฝ่ายต่างพยายามเก็บอาการเอาไว้ ไม่ต้องการให้สังคมภายนอกได้สังเกตเห็น โดยเฉพาะแม้แต่ ชัชชาติ กับ คุณหญิง สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ที่ต้องมาเป็นแคดิเดตของพรรคในลำดับที่สอง ทั้งที่เจ้าตัวมั่นใจว่าได้รับการสนับสนุนจากคนรุ่นใหม่ เป็นตัวหลักของพรรค แต่กลับต้องมาเป็นมวยรองอยู่ตลอดเวลา เป็นใครก็ย่อมไม่แฮปปี้ และที่ผ่านมาก่อนที่จะมีการประกาศตัวลงสมัครอิสระก็มีรายงานยืนยันว่าเขาดอดไปพบและขอไฟเขียวจาก “นายใหญ่” ทักษิณ ชินวัตร และ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่สิงคโปร์มาแล้ว

ขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาจากปฏิกิริยาภายในพรรคหลังจากประกาศท่าทีของ ชัชชาติ ออกมาแล้ว ก็มี ส.ส.พรรคเพื่อไทยหลายคนแสดงอารมณ์ไม่พอใจ มีการโพสต์ข้อความลงในสื่อโซเชียลในทำนอง “ไล่ส่ง”กันให้เห็นมาแล้วเช่นข้อความที่ระบุว่า “หากไม่มีใจให้พรรคก็ไม่ต้องไปสนใจ” อะไรประมาณนี้ แต่ขณะเดียวกันหากสังเกตให้ดีก็จะพบว่า ส.ส.กรุงเทพฯที่มีท่านี้ดังกล่าวล้วนอยู่ในกลุ่มของ คุณหญิงสุดารัตน์ ทั้งสิ้น มีเพียง ภูมิธรรม เวชยชัย อดีตเลขาธิการพรรคเท่านั้นที่โพสยืนยันชัดเจนว่ายังสนับสนุน ชัชชาติ แม้ว่าจะลงสมัครอิสระก็ตาม

นอกเหนือไปจากนี้ การเรียกประชุม ส.ส.กรุงเทพฯพรรคเพื่อไทยของ วิชาญ มีนไชยนันท์ ที่เป็นรองหัวหน้าพรรคในภาคกรุงเทพฯ ซึ่งอยู่ในกลุ่ม คุณหญิงสุดารัตน์ เมื่อสองสามวันก่อน เพื่อเตรียมหาคนลงสมัคร ผู้ว่าฯกรุงเทพมหานคร แทน ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ โดยจะมีการนำเข้าที่ประชุมพรรคเพื่อให้การรับรองนั้นกลายเป็นว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้ หัวหน้าพรรคคือ สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคที่ต้องออกคำแถลงหัวหน้าพรรคออกมาทันควันระบุว่าการที่มี ส.ส.กทม.บางคนให้ข่าวว่าพรรคเพื่อไทยจะส่งผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.โดยยืนยันว่าพรรคยังไม่เคยมีความเห็นในเรื่องนี้ และไม่เป็นความจริงเป็นการทำให้ประชาชนสับสน

จับอาการที่เห็นย่อมพอมองออกว่า เป็นความไม่พอใจที่ถูกข้ามหน้า หรือเรียกว่า “ไม่เห็นหัว”หัวหน้าพรรคนั่นแหละ ซึ่งแน่นอนว่าด้วยท่าทีดังกล่าวที่ออกมามันก็ย่อมเห็นว่าภายในพรรคเพื่อไทยมีความแตกแยกที่แสดงออกมาให้เห็นชัดเจน อย่างน้อยเท่าที่เห็นก็มี ชัชชาติ ที่จับคู่กับ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ และ หัวหน้าพรรคคือ สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ซึ่งแน่นอนว่าความขัดแย้งในกรณีนี้ย่อมเกิดขึ้นจริง ไม่ใช่เป็นการปั้นแต่งขึ้นมาใส่ร้ายป้ายสีอย่างแน่นอน เพราะทุกอย่างมันชี้ชัดแบบนั้น

ดังนั้นเมื่อพิจารณาจากเงื่อนไขทั้งภายในภายนอก ภายนอกที่เวลานี้ไม่ได้เป็นฝ่ายรัฐบาลไม่ได้ควบคุมอำนาจรัฐต่อเนื่องมาเป็นเวลานาน ส่วนปัจจัยภายในที่เกิดความขัดแย้งจนมีทีท่าว่าจะเกิดการแตกกระสานสานเซ็นออกไป โดยเฉพาะให้จับตากลุ่ม ส.ส.อีสานบางกลุ่มที่เริ่มก่อหวอดมาเป็นระยะ และล่าสุดเมื่อ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ โบกมือลาออกไปสมัครผู้ว่าฯกทม.ในนามอิสระแบบนี้มันก็สามารถฟันธงได้เลยว่าสนามเมืองหลวงพรรคเพื่อไทยหมดลุ้นเก็บฉากก่อนใคร !!


กำลังโหลดความคิดเห็น