xs
xsm
sm
md
lg

“เสี่ยหนู” หนุนแยกสัญญารถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก แจงรัฐกู้เองต้นทุนต่ำกว่าเอกชน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.สาธารณสุข (แฟ้มภาพ)
“อนุทิน” เผยหารือรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก แนะแยกสัญญาก่อสร้าง-เดินรถ หวังช่วยกระจายความเสี่ยง ระบุหากรัฐกู้เองต้นทุนจะต่ำกว่าให้เอกชนกู้ ปัดรื้อโครงการแต่ต้องการให้ได้ข้อสรุปที่ดีที่สุด ย้ำแยกสัญญาดีกว่า




เมื่อวันที่ (8 ต.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก (ศูนย์วัฒนธรรม-บางขุนนนท์) ซึ่งได้มีการหารือกันในเรื่องการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (พีพีพี) มีกฎหมายที่เกี่ยวข้อง คือ พ.ร.บ.ให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ 2562 ซึ่งโครงการนี้ได้ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (บอร์ดพีพีพี) เมื่อรัฐบาลที่ผ่านมา แต่ในขณะนี้มีรัฐบาลใหม่ซึ่งกระทรวงคมนาคมก็มีการพิจารณาและมีแนวคิดใหม่ที่นำเสนอซึ่งควรมีการทบทวนเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการดำเนินโครงการและเป็นประโยชน์ต่อประชาชนที่จะมาใช้บริการ

โดยแนวคิดที่มีการเสนอคือการแยกสัญญาในการลงทุนงานก่อสร้างกับสัญญาการเดินรถ น่าจะเป็นวิธีการที่ดีกว่า อย่างไรก็ตาม ข้อมูลที่มีการเสนอในที่ประชุมวันนี้ยังมีตัวเลขที่ไม่ตรงกันทางฝ่ายกระทรวงคมนาคมมองว่าการแยกสัญญาการก่อสร้างและการเดินรถดีกว่า ส่วนกระทรวงการคลังให้ข้อมูลว่าในเรื่องนี้มีการเสนอมาแล้วในบอร์ดพีพีพีให้มีการรวมสัญญากันดังนั้นต้องมาดูในเรื่องผลประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นต่อโครงการที่รัฐจะได้เป็นสำคัญ

ทั้งนี้ ในการพิจารณาตัวเลขอัตราผลตอบแทนภายใน (Internal Rate of Return : IRR) ที่หน่วยงานต่างๆ มีการคิดมาตนได้มีการตั้งข้อสังเกตว่าวิธีการคำนวณยังไม่ตรงกัน จึงให้หน่วยงานต่างๆไปปรับตัวเลขให้ตรงกันให้แล้วเสร็จโดยจะมีการประชุมพร้อมกันในวันพฤหัสบดีที่ 10 ต.ค.นี้ โดยเป็นการหารือกันในส่วนของหน่วยงานในสังกัดของกระทรวงคมนาคม ซึ่งการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ได้มีการนำเสนอตัวเลขต่างๆก่อนหน้านี้โดยมายืนยันตัวเลขนี้และเอาไปเปรียบเทียบกันในทุกสมมติฐานเพื่อให้ได้ข้อเสนอที่ดีที่สุดเพื่อเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตัดสินใจแนวทางในการเปิดประมูลโครงการต่อไป

“ส่วนตัวผมมองว่าเราแยกสัญญาดีกว่า เพราะก็ทำกันมาแบบนี้ตลอดก็ไม่มีปัญหาอะไร การแยกสัญญายังเป็นการกระจายความเสี่ยงได้ด้วย ขณะเดียวกันก็มีการกระจายรายได้ทางเศรษฐกิจได้มากขึ้น เนื่องจากคนที่จะมารับจ้างการทำงานอยู่ในวงกว้าง ซึ่งเหมาะกับเศรษฐกิจแบบนี้ที่ช่วยให้เกิดการขยายงานก่อสร้างออกไป ตรงนี้เป็นเรื่องแนวคิดส่วนตัวของผม แต่ผมไม่ได้ตัดสินใจคนเดียวต้องดูข้อมูลและข้อเสนอจากทุกฝ่ายด้วยว่าข้อมูลที่มีการวิเคราะห์ออกมาเป็นอย่างไร ซึ่งต้องดูผลตอบแทนที่ภาครัฐจะได้เป็นสำคัญและไม่ใช่เหตุผลที่รัฐต้องมีการควักกระเป๋าจ่ายเงินเพิ่ม ขณะที่ รฟม.ก็มีความเชี่ยวชาญในการควบคุมงานก่อสร้างงานในลักษณะนี้ได้อยู่แล้วการแยกสัญญาจึงไม่มีผลต่อการควบคุมงาน” นายอนุทินกล่าว

นายอนุทินกล่าวว่า โครงการในลักษณะนี้รัฐต้องเสียเงินในการลงทุนงานโยธาอยู่แล้วแต่ว่าเราจะดูว่าจะให้เกิดการประมูลในลักษณะใด เงินที่รัฐลงไปต้องเกิดการหมุนเวียนของเศรษฐกิจให้มากรอบมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ โดยการกู้เงินของภาครัฐมีต้นทุนทางการเงินที่ถูกกว่าภาคเอกชนอยู่แล้ว เช่น โครงการกู้เงินในโครงการสายสีส้มตะวันออก (ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี) รัฐกู้เงินได้โดยต้นทุนต่ำดอกเบี้ยเงินกู้ประมาณ 2% หรือไม่เกิน 2% แต่เอกชนต้นทุนการเงินอยู่ที่ 4-5% ซึ่งต้นทุนเรื่องการเงินตรงนี้ทำให้มูลค่าการลงทุนรวมของโครงการต่างกันเป็นหลักหมื่นล้านบาท

“ผมไม่ได้จะรื้อโครงการแต่ต้องการให้ได้ข้อสรุปที่ดีที่สุด ส่วนตัวผมมองว่าเราแยกสัญญาดีกว่าเพราะก็ทำกันมาแบบนี้ตลอดก็ไม่มีปัญหาอะไร การแยกสัญญายังเป็นการกระจายความเสี่ยงได้ด้วย ขณะเดียวกันก็มีการกระจายรายได้ทางเศรษฐกิจได้มากขึ้น เนื่องจากคนที่จะมารับจ้างการทำงานอยู่ในวงกว้าง ซึ่งเหมาะกับเศรษฐกิจแบบนี้ ที่ช่วยให้เกิดการขยายงานก่อสร้างออกไป ตรงนี้เป็นเรื่องแนวคิดส่วนตัวของผม แต่ผมไม่ได้ตัดสินใจคนเดียวต้องดูข้อมูลและข้อเสนอจากทุกฝ่ายด้วยว่าข้อมูลที่มีการวิเคราะห์ออกมาเป็นอย่างไร ซึ่งต้องดูผลตอบแทนที่ภาครัฐจะได้เป็นสำคัญและไม่ใช่เหตุผลที่รัฐต้องมีการควักกระเป๋าจ่ายเงินเพิ่ม ขณะที่ รฟม.ก็มีความเชี่ยวชาญในการควบคุมงานก่อสร้างงานในลักษณะนี้ได้อยู่แล้วการแยกสัญญาจึงไม่มีผลต่อการควบคุมงาน” นายอนุทินกล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น