"ประยุทธ์" มอบนโยบายสภาเกษตรกรฯ หวังพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบฯผ่าน ขู่ไม่ผ่านเดือดร้อนทั้งประเทศ ลั่นต้องคงความเป็นชาติ ยึด 3 สถาบันให้มั่น ประเทศจะเดินหน้าดีกว่านี้ ระบุมีกม.สำคัญเพราะไม่ต้องการให้ไปล่วงล้ำ และมีมานานแล้ว
วันนี้ (3ต.ค.) เวลา 14.10 น. ที่ห้องมิราเคิล แกรนด์ บอลรูม เอ ชั้น 4 โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานพิธีมอบนโยบายแก่สภาเกษตรกรแห่งชาติ โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า สิ่งที่รัฐบาลทำวันนี้ ก็เพื่อให้เกิดความยั่งยืน และต้องยอมรับว่าในภาคเกษตรกรรม มีความล่าช้า เนื่องจากมีจำนวนสมาชิกมาก แค่เฉพาะชาวนาก็มีมากแล้ว และที่นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ ระบุว่าได้ทำงานร่วมกับทุกภาคส่วน ไม่เป็นศัตรูกับใคร ก็ขอถามว่าแล้วมีมิตรบ้างหรือเปล่า การทำงานต้องมีมิตรเพิ่ม แต่ศัตรูก็ย่อมมีบ้าง เป็นเรื่องธรรมดา เพราะคนรักเท่าผืนหนัง คนชังเท่าผืนเสื่อ และวันนี้ตนตั้งใจมาพบกับทุกคน ซึ่งเดิมจะส่งตัวแทนมาเพราะตนมีภารกิจ "แต่ผมคิดว่าผมปรับงานของตัวเองดีกว่า เพราะอยากมาเจอพวกเราทุกคน ผมมาในนามนายกฯและเป็นเพื่อนของทุกคน ผมถือว่าทุกคนเป็นพ่อแม่พี่น้องของผม ตระกูลของผมก็น่าจะเคยเป็นเกษตรกร ทำไร่ทำนามาก่อนเพราะทำไมผมจึงรู้สึกเป็นห่วงเป็นใยเกษตรกรมากนัก และในฐานะผู้นำก็ต้องทำทุกอย่างให้คนทุกภาคส่วนอยู่ดีกินดี เราจะทิ้งใครไว้ข้างหลังไม่ได้ ใครอ่อนแอก็ต้องดูแลให้มากหน่อย แต่คงไม่ใช่เอางบประมาณทั้งหมดมาทุ่มเทไปในทางเดียว ก็จะพังกันหมด รัฐบาลจะแก้ปัญหาทุกอย่างอย่างยั่งยืน ไม่ใช่แค่เอาเงินลงมาเติมเพียงอย่างเดียว ไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้อง ดังนั้น ในช่วงที่มีปัญหาราคาตกต่ำ เราสามารถดูแลได้ระยะหนึ่ง แต่เมื่อดีขึ้น ก็ต้องนำเงินส่วนนี้ไปใช้ด้านอื่น ซึ่งทุกวันนี้นำงบประมาณไปใช้ด้านบนเยอะ"
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วันนี้งบประมาณยังไม่ได้พิจารณา ต้องรอนำเข้าวาระการพิจารณาภายในเดือนนี้ หวังว่าคงผ่าน ถ้าไม่ผ่านคนเดือดร้อนกันทั้งประเทศ เกษตรกรก็เดือดร้อน คงไม่ใช่ตนคนเดียว เพราะฉะนั้นทุกอย่างต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างกัน และคิดว่าประเทศไทยคงไม่ได้ลำบากมากเหมือนต่างประเทศ บางประเทศมีปัญหาทั้งเรื่องการเดินทางเรื่องการเมือง ทั้งนี้ประเทศเรามีความแตกต่างด้านรายได้ของแต่ละจังหวัดสูงมาก เราต้องเข้าใจตรงนี้ด้วย ไม่เช่นนั้นใครพูดอะไรมาเราก็จะหลงเชื่อทั้งหมด ทั้งนี้ ตนอยากจะเน้นเรื่องความเป็นชาติ รู้กันหรือไม่อะไรคือชาติ เราได้ยินกันมานาน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ชาติคือสิ่งที่ยึดพวกเราทุกคนจนกระทั่งเป็นประเทศมาถึงทุกวันนี้คือชาติไทย ไม่ว่าจะเชื้อชาติไหนแต่เราก็คือชาติไทย คำว่าชาติรวมทั้งคน และแผ่นดิน ผืนน้ำ อากาศ ดังนั้นดินแดนแหลมทองสุวรรณภูมิแห่งนี้เป็นดินแดนของชนชาติไทย ดังนั้น ต้องรักกัน ต้องไม่ทิ้งกัน ต้องไม่เอาเปรียบกัน ต้องมีจิตใจเผื่อแผ่สาธารณะซึ่งกันและกัน จะทำให้ตัวเองรวยคนเดียวแต่ข้างล่างจนไม่ได้ เมื่อเรามีความเป็นชาติที่เข้มแข็งแล้วก็จะกลับมาสู่สังคม ครอบครัว ความรักชาติ ความหวงแหน ความรักแผ่นดิน เริ่มจากที่ตัวเราเอง ถ้าทุกคนมุ่งไปสู่ตรงนี้มันก็คือความเป็นชาติ ความเป็นครอบครัว สังคมและหมู่บ้านของเรา
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า นอกจากรักชาติแล้ว เรายังต้องมีศาสนา ดินแดนแห่งนี้เราจะนับถือศาสนาอะไรก็ได้ โดยมีศาสนาพุทธเป็นหลัก ขอเพียงให้ยึดมั่นไว้ในใจ อย่างน้อยคือเรื่องเบญจศีลเบญจธรรม ไม่จำเป็นต้องทำให้ได้ทั้ง 221 ข้อ ขึ้นอยู่ว่าแต่ละคนจะถือศีล 5 ศีล 8 แต่เบญจศีลเบญจธรรมทั้ง 5 ข้อนี้ จะทำให้สังคมไม่ปั่นป่วนเช่นทุกวันนี้ เราต้องนำหลักธรรมตรงนี้มาปฏิบัติด้วย ไม่ใช่เข้าวัดถวายของพระแล้วขอพร บางครั้งพระก็ไม่รู้จะให้อะไรเหมือนกันเพราะขอกันเยอะ ดีที่สุดก็ขอให้ใจเราเข้มแข็ง รวมทั้งยึดถือสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
นายกฯกล่าวว่า "ที่เรามีกฎหมายเพราะไม่ต้องการให้ไปล่วงล้ำก้ำเกิน เพราะท่านทรงป้องกันตัวเองไม่ได้ เพราะฉะนั้น เขาถึงมีกฎหมายฉบับนี้ไว้เท่านั้นเอง ถ้าไม่ทำผิดกฎหมายจะเกิดเรื่องอะไรหรือเปล่า แต่ก็ทำให้เป็นเรื่องที่หลายๆคน ที่หวังดีหรือหวังไม่ดี ผมไม่รู้ พยายามจะพูดในเรื่องนี้ซึ่งมันอันตรายต่อประเทศของเรา ซึ่งไม่ได้ เพราะประเทศเราเป็นแบบนี้มาตั้งกี่ร้อยปีแล้ว เพราะฉะนั้น ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และสำคัญที่สุดคือประชาชน ซึ่งผมก็เป็นประชาชนคนหนึ่ง แต่เป็นนายกฯซึ่งมีหน้าที่และความรับผิดชอบมากกว่าคนอื่น เพราะต้องดูแลคนกว่า 67 ล้านคน ซึ่งมีความคิดที่แตกต่างกันทั้งหมด แต่ถ้าเรามีสภา ผู้นำ และการเมืองที่เข้มแข็ง รับรองประเทศไทยอีกไม่กี่ปีต้องดีกว่านี้แน่ เราต้องมีศรัทธาในการทำงานว่า ถ้าเราร่วมมือกับรัฐบาลเกษตรกร ประชาชนทุกหมู่เหล่าทุกอาชีพ ว่าจะทำอย่างไรให้บ้านเมืองปลอดภัยเจริญเข้มแข็ง โอกาสรออยู่ข้างหน้าแล้ว อย่าไปสิ้นศรัทธา การทำอะไรก็ตามถ้ามีศรัทธา สำเร็จทุกอย่าง"