รองโฆษกศาลปกครอง แจง 4 หลักเกณฑ์พิจารณารื้อคดีค่าโง่โฮปเวลล์หมื่นล้าน หลังอัยการรับมอบอำนาจคมนาคม-ร.ฟ.ท.ได้ยื่นคำร้องพิจารณาคดีใหม่
วันนี้ (5 ส.ค.) นายเทอดพงศ์ คงจันทร์ ตุลาการ ศาลปกครองกลาง ในฐานะรองโฆษกศาลปกครอง กล่าวถึงกรณีมีการระบุว่ามีหลักฐานใหม่ที่จะรื้อคดีค่าโง่โฮปเวลล์ และอาจทำให้รัฐไม่ต้องจ่ายชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 11,888 ล้านบาท ตามที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาให้รัฐต้องปฏิบัติตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการจ่ายชดใช้เงินจำนวนดังกล่าว พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ว่าตามมาตรา 75 พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 กำหนดในกรณีการยื่นคำขอให้ศาลปกครองพิจารณาคดีใหม่ว่า คู่กรณีไม่ว่าจะเป็นผู้ฟ้องหรือผู้ถูกฟ้องคดีหรือบุคคลภายนอกผู้มีส่วนได้เสียหรืออาจถูกผลกระทบจากคดีนั้นมีคำขอ ตามหลักเกณฑ์ 4 ข้อด้วยกัน คือ
1. ศาลปกครองฟังข้อเท็จจริงผิดพลาดหรือมีพยานหลักฐานใหม่ อันอาจทำให้ข้อเท็จจริงที่ฟังเป็นยุติไปเเล้วเปลี่ยนแปลงไปในสาระสำคัญ 2. คู่กรณีที่แท้จริงหรือบุคคลภายนอกที่มีผลกระทบไม่ได้ถูกเรียกเข้ามาร่วมดำเนินกระบวนพิจารณาคดี ตรงนี้ที่อาจจะมีการอ้างว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมเเละพิจารณาต่อสู้คดีหรือได้เข้ามาแล้วแต่ถูกตัดโอกาสโดยไม่เป็นธรรมในการมีส่วนร่วมในการดำเนินกระบวนพิจารณา 3. มีข้อบกพร่องสำคัญในกระบวนพิจารณาพิพากษาที่ทำให้ผลของคดีไม่มีความยุติธรรม ตรงนี้ก็คือการอ้างว่าศาลพิจารณาคดีผิดพลาดเเละจะทำให้ผู้ร้องไม่ได้รับความเป็นธรรม และ 4.คำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นได้ทำขึ้นโดยศาลรับฟังข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายใด และต่อมาปรากฎว่าข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายนั้นเปลี่ยนแปลงไปในสาระสำคัญซึ่งทำให้ผลแห่งคำพิพากษาหรือคำสั่งขัดกับกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในขณะนั้นตรงนี้คือการอ้างเรื่องข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายที่เปลี่ยนเเปลงไป ทั้งนี้สำหรับระยะเวลาในการยื่นคำขอผู้ร้องจะต้องยื่นคำขอให้พิจารณาคดีใหม่ต่อศาลภายใน 90 วัน ตั้งแต่วันที่รู้ว่ามีเหตุที่จะยื่นพิจารณาคดีใหม่ได้แต่ไม่เกิน5ปีนับตั้งแต่วันที่มีคำพิพากษา
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าเมื่อวันที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมาสำนักงานอัยการในฐานะผู้รับมอบอำนาจของกระทรวงคมนาคม และการรถไฟแห่งประเทศไทย ผู้คัดค้านทั้งสองได้เดินทางมายื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีขึ้นใหม่ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล ซึ่งกรอบระยะเวลาในการพิจารณาคำร้องเเม้ไม่ได้มีการกำหนดไว้ แต่คาดว่าศาลปกครองจะมีการพิจารณาและมีคำสั่งออกมาโดยรวดเร็วว่าจะมีคำร้องดังกล่าวไว้พิจารณาวินิจฉัยหรือไม่
