xs
xsm
sm
md
lg

กกต.ชี้เลือกตั้งครั้งหน้าไร้คำสั่ง คสช.พรรคต้องยึด กม. รับบริจาคเจาะลึกเจตนาไม่ได้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


รองเลขาฯ กกต.กำชับพรรคฯ เร่งตั้งสาขา-ตัวแทนประจำจังหวัด เหตุเลือกตั้งครั้งหน้าต้องทำตามกฎหมายทุกขั้นตอน ไร้คำสั่ง คสช.ช่วย เผยมีผู้สมัคร ส.ส.รายงานค่าใช้จ่ายเลือกตั้งไม่ครบ ย้ำตรวจสอบระดมทุน กกต.ยึดตามกฎหมาย ไม่สามารถเจาะลึกเจตนาบริจาคได้

วันนี้ (5 ส.ค.) นายสันทัด ศิริอนันต์ไพบูลย์ กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นประธานเปิดอบรมการส่งเสริมสร้างความรู้ และทำความเข้าใจเกี่ยวกับการเงินและบัญชีของพรรคการเมืองให้แก่ผู้แทนพรรคการเมือง ผู้บริหาร พนักงานของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัด และกรุงเทพมหานคร เพื่อให้นำไปปฏิบัติอย่างถูกต้องตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง โดยนายแสวง บุญมี รองเลขาธิการ กกต.บรรยายถึงข้อสังเกตเกี่ยวกับการปฏิบัติตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองที่ผ่านมา ว่าในการเลือกตั้งครั้งต่อไปต้องใช้กฎหมายพรรคการเมืองเต็มรูปแบบ ทุกพรรคต้องดำเนินการตามกฎหมายพรรคการเมือง โดยเฉพาะการทำไพรมารีโหวต ที่ผ่านมามีคำสั่ง คสช.ช่วยในเรื่องการทำ จึงทำให้การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มี.ค.ผ่านไปโดยไม่ต้องทำไพรมารีโหวตเต็มรูปแบบ แต่ในการเลือกตั้งครั้งต่อไปจากนี้อีก 3 ปี 8 เดือน หากจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นพรรคการเมืองจะต้องเร่งเตรียมพร้อม โดยเฉพาะเรื่องของสมาชิกพรรค ที่ผ่านมา กกต.ยกเว้นให้ในกรณีที่ไม่สามารถคีย์ชื่อสมาชิกเข้าไปในระบบฐานข้อมูลได้ทัน ก็สามารถนำหลักฐานการยื่นสมัครเป็นสมาชิกพรรคไปแสดงต่อผู้อำนวยการเลือกตั้งประจำจังหวัดได้ แต่ในครั้งต่อไปจะต้องยึดรายชื่อจากฐานข้อมูลสมาชิกเป็นหลัก หากมีปัญหาก็ต้องไปต่อสู้กันในชั้นศาล

นายแสวงยังกล่าวถึงเรื่องการเงินของพรรคการเมืองว่า รายได้ของพรรคการเมืองจะมาจาก 1. ทุนประเดิม ที่ผู้ร่วมจัดตั้งพรรคการเมืองบริจาค แต่ไม่เกิน 1 ล้านบาท 2. ผู้บริจาคที่ต้องเป็นไปตามกคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมาย 3. เงินค่าบำรุงพรรค ที่เรียกเก็บจากสมาชิกพรรคเท่านั้น 4. เงินขายของที่ระลึก ที่พรรคจะขายปากกา สมุด ดินสอที่ใครก็สามารถซื้อได้ นอกจากนี้เป็นเงินบำรุงและบริจาคจากเงินภาษีของประชาชน ที่ทางสำนักงานกกต.เป็นผู้ดำเนินการให้กับพรรคการเมือง อย่างไรก็ตามในการตรวจสอบเงินของพรรคการเมือง กกต.จะตรวจสอบในส่วนที่กฎหมายกำหนด แต่ทั้งนี้พรรคการเมืองจะต้องไม่หาเงินโดยแสวงหากำไร แล้วนำมาแบ่งปันกัน ไม่รับเงินต่างชาติ ซึ่งจะมีเหตุให้ถูกยุบพรรคได้

ทั้งนี้ นายแสวงยกตัวอย่างกรณีตรวจสอบการระดมทุนของพรรคการเมืองที่มีบริษัทเอกชนให้เงินกับพรรคการเมืองหนึ่งว่า กรณีดังกล่าวกกต.จะตรวจสอบตามขั้นตอนที่กฎหมายให้ตรวจสอบเท่านั้นจะไม่มีอำนาจไปตรวจสอบบริษัท หรือราคาโต๊ะที่พรรคการเมืองตั้งไว้ขายเพื่อระดมทุน แต่การระดมทุนจะต้องไม่เกิด10 ล้านบาทต่อราย และอย่านำเงินที่ได้มาแบ่งปันกัน เพราะการระดมทุนไม่ได้อยู่ที่ราคาแต่เราจะดูว่าถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ส่วนเรื่องพฤติกรรมว่าข้าราชการเมืองจะใช้ตำแหน่งจูงใจให้ผู้ใดบริจาคเงินหรือทรัพย์สินให้พรรคหรือแหล่งที่มาสุจริตหรือไม่ กกต.ไม่มีอำนาจ

“อันไหนไม่มีอำนาจก็จะไม่ตรวจ หรือไปละเมิด เราทำตามกฎหมายเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงเพื่อให้การตรวจสอบนั้นสิ้นกระแสความโดยยึดประโยชน์เพื่อความยุติธรรม” นายแสวงกล่าว และว่าในการเลือกตั้งที่ผ่านมาพบว่ามีผู้สมัคร ส.ส.รายงานค่าใช้จ่ายไม่ครบซึ่งการไม่รายงานถือว่าเป็นความผิด

นอกจากนี้ยังกล่าวด้วยว่า ในส่วนของการจัดตั้งสาขาพรรค และตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดที่ผ่านมามีสาขาพรรคการเมืองโดยรวมแค่ 300 กว่าสาขาจาก 86 พรรคการเมือง ที่มีสมาชิกรวมกว่า 8 แสนคน ซึ่งหาก 86 พรรคการเมืองจะส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้งครั้งต่อไป จะต้องมีสาขาครบ 4 ภาค หากจะส่งผู้สมัครครบทุกเขต จะต้องมีสมาชิก 4-15 ล้าน การหาสมาชิกและการตั้งสาขาต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3-5 เดือน ดังนั้นจึงได้กำชับให้พรรคการเมืองต่างๆ เร่งดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย เพราะที่ผ่านมามีการร้องเรียนเกี่ยวกับพรรคการเมืองเป็นจำนวนมาก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงท้ายได้เปิดโอกาสให้พรรคการเมืองได้สอบถามถึงการดำเนินกิจกรรมของพรรค พบว่าพรรคการเมืองได้สอบถามในกรณีการบริจาค และการซื้อสินค้าที่ระลึกชองพรรคการเมือง ว่าในกรณีสามีหรือภรรยาเป็นชาวต่างชาติ สามารถบริจาคได้หรือไม่ กรณีบุคคลที่ 3 มาซื้อสินค้าที่ระลึกของพรรคไปเป็นจำนวนมากเพื่อนำไปขายต่อทำได้หรือไม่ รวมทั้งกรณียุบตัวแทนประจำจังหวัดที่มีจำนวนมากแล้วตั้งเป็นสาขาพรรคทำได้หรือไม่ ขณะที่หัวหน้าพรรคเพื่อนไทยเรียกร้องให้ กกต.เป็นเจ้าภาพเสนอแก้ไขกฎหมายในการเลือกตั้ง เพราะเห็นได้จากปัญหา และอุปสรรคที่เกิดขึ้นหากไม่แก้ไขจะทำให้พรรคการเมืองเดินต่อไปไม่ได้





กำลังโหลดความคิดเห็น