xs
xsm
sm
md
lg

นายกฯ ถกงบฯ ปี 63 เคาะที่ 3.22 ล้านล้านบาท ขาดดุลเกือบ 5 แสนล้าน คาดร่าง พ.ร.บ.เสร็จต้นปีหน้า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


นายกฯ ร่วมพิจารณากรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี 63 เห็นชอบ 3.22 ล้านล้านบาท ขาดดุลเกือบ 5 แสนล้านบาท ปรับประมาณการรายได้ลดลง 1.9 หมื่นล้าน ให้สำนักงบฯ ชง ครม.6 ส.ค.นี้ คาดจัดทำร่าง พ.ร.บ.แล้วเสร็จ ผ่านการพิจารณาของสภาฯ นำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย ม.ค. 63

วันนี้ (1 ส.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมพิจารณากำหนดวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 โดยมีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และผู้ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมการประชุม นายกฯ กล่าวก่อนเริ่มการประชุมว่า การจัดทำงบประมาณ ต้องทำให้สอดคล้องกับปัจจัยทั้งภายในและภายนอก โดยจะรับฟังความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์จากคณะกรรมการชุดต่างๆ เพื่อให้การจัดทำงบประมาณ และการใช้จ่ายงบประมาณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

ต่อมาเวลา 10.20 น. นายเดชาภิวัฒน์ ณ สงขลา ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ แถลงผลการประชุมว่า ที่ประชุมร่วม 4 หน่วยงานวันนี้ ประกอบด้วยกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย มีมติเห็นชอบกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ให้สำนักงบประมาณนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันอังคารที่ 6 สิงหาคม 2562 ในวงเงิน งบประมาณรายจ่าย 3.22 ล้านล้านบาท (ขาดดุลงบประมาณ 489,000 ล้านบาท) ประกอบด้วย รายได้รัฐบาลสุทธิที่จะจัดเก็บได้ ที่เดิมทีประมาณการไว้ที่ 2.750 ล้านล้านบาท จะคงเหลือที่ 2.731 ล้านล้านบาท หรือลดลงไป 19,000 ล้านบาท จากเดิมที่เคยเสนอคณะรัฐมนตรีเมื่อตอนต้นปี ซึ่งสำนักงบประมาณจะเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นชอบกรอบวงเงินเพื่อจะได้ดำเนินการต่อไป

ผู้อำนวยการสำนักงบฯ กล่าวอีกว่า ตามปฏิทินงบประมาณที่เสนอไปเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยสรุปคือ วันนี้มีการประชุม 4 หน่วยงาน เพื่อที่จะเห็นชอบให้สำนักงบประมาณนำกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 เสนอคณะรัฐมนตรีวันที่ 6 สิงหาคม 2562 ซึ่งคำของบประมาณจะเข้ามาที่สำนักงบประมาณวันที่ 9 สิงหาคม 2562 โดยสำนักงบประมาณคาดว่าจะสามารถนําเสนอสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาวาระที่ 1 ตามกำหนดการ วันที่ 17 ตุลาคม 2562 และวาระที่ 2-3 ประมาณต้นเดือนมกราคม 2563 จากนั้นจึงเสนอวุฒิสภาพิจารณาประมาณกลางเดือนมกราคม 2563 คาดว่าจะสามารถนําร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย ประมาณปลายเดือนมกราคม 2563

ผู้อำนวยการสำนักงบฯ ยังกล่าวถึงแผนการคลังระยะปานกลาง (ปีงบประมาณ 2563-2565) ว่า จะมีการปรับในส่วนของรายได้รัฐบาลสุทธิ จากเดิมกำหนดประมาณการรายได้รัฐบาลสุทธิในปีงบประมาณ 2563 อยู่ที่ 2,750,000 ล้านบาท ก็ได้ปรับลดลงมา 19,000 ล้านบาท ซึ่งกระทรวงการคลังจะได้มีการประชุมทบทวนกำหนดกรอบรายได้รัฐบาลสุทธิ ของแผนการคลังระยะปานกลางอีกครั้ง โดยคาดการณ์ว่าแผนการคลังระยะปานกลางจะสมดุลในปี 2573 ซึ่งต้องดูตามความเป็นจริงอีกครั้งว่าจะสามารถถึงจุดสมดุลได้ในปีนั้นหรือไม่ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับเศรษฐกิจและสังคมของประเทศด้วยว่าจะต้องใช้จ่ายงบประมาณเท่าไรในการรักษาเสถียรภาพ และกระตุ้นเศรษฐกิจในแต่ละปีจากนี้ไป

นายเดชาภิวัฒน์กล่าวว่า ช่วงที่รอพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2563 ประกาศใช้ สำนักงบประมาณจะนำเสนอ ครม.ให้ความเห็นชอบใช้งบประมาณปีก่อนหน้าไปพลางก่อน โดยใช้ฐานงบประมาณปี 2562 จัดสรรให้ไม่เกินกึ่งหนึ่งหรือครึ่งหนึ่ง ประกอบด้วย เรื่องของเงินเดือน รายจ่ายประจำ ที่มีฐานเดิมอยู่ในปี 2562 และงบลงทุนที่มีสัญญาแล้ว ซึ่งงบฯ ไปพลางก่อนจะไม่มีรายการใหม่ ฉะนั้นงบประมาณที่มีการพูดถึงว่าจะหายไปนั้นที่จริงแล้วยังมีอยู่ เงินเดือน ทุกอย่างพร้อมที่จะจ่ายทั้งหมด และงบลงทุนก็ยังมีของรัฐวิสาหกิจอยู่ ยังมีรายการที่ภาครัฐและเอกชนร่วมลงทุน (PPP) และมีกองทุน Thailand Future Fund ที่จะนำมาใช้กระตุ้น หรือรักษาเสถียรภาพของการใช้จ่ายในช่วง 3 เดือนจากนี้ไปคือตุลาคม พฤศจิกายน และธันวาคมได้

นายเดชาภิวัฒน์กล่าวด้วยว่า และเมื่องบประมาณประจำปี พ.ศ. 2563 ออกมาประมาณเดือนมกราคม 2563 ก็เริ่มดำเนินการได้ ซึ่งระหว่างเดือนมกราคม 2563 ก่อนหน้านั้น สำนักงบประมาณจะออกมาตรการด้านการงบประมาณ เพื่อที่จะสนับสนุนให้มีการใช้จ่ายทันที หลังจากที่พระราชบัญญัติงบประมาณร่ายประจำปี พ.ศ. 2563 ประกาศใช้


กำลังโหลดความคิดเห็น