xs
xsm
sm
md
lg

กรรมไล่ล่า #อีช่อต้องรับผิดชอบ คนดัง-เซเลป แห่แจ้งความหมิ่นเบื้องสูง **"ท่านประธานชวน"เป็นกลาง สั่งตรวจสอบคำร้อง 41 ส.ส.ถือหุ้นสื่อฯ ที่พรรคอนาคตใหม่ร้องเรียนเข้ามา ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญแล้ว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ข่าวปนคน คนปนข่าว


**กรรมไล่ล่า #อีช่อต้องรับผิดชอบ คนดัง-เซเลป แห่แจ้งความหมิ่นเบื้องสูง กับความอนาถใจ ตรรกวิบัติ "ไอ้ห้อยไอ้โหน" ของ"วัน อยู่บำรุง" แขวะดารา

จาก "ภาพที่ไม่ต้องบรรยาย" สวมชุดครุยจุฬาฯ ถ่ายเล่นๆ กับเพื่อนของ"ช่อ" พรรณิการ์ วานิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคอนาคตใหม่ อย่างมีนัยแอบแฝง จนมีคนมาช่วยบรรยายว่า ภาพสอเจตนากระทำการ "มิบังควร" ต่อสถาบันเบื้องสูง หรือไม่ และต่อมากลายเป็นกระแสสังคม นำมาสู่การตั้งทีมของตำรวจเข้าสอบสวนหาความผิด แต่ยังขาด "คนแจ้งความ" ตามรายงานเมื่อวันก่อน

พอข่าวแพร่กระจายไป ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) เมื่อวานนี้ ก็มีตัวแทนกล่มต่างๆ คนดัง และ เซเลป หลายคน เช่น นายเตชะ หรือ "เต้ ทับทอง" หนึ่งร้อยตัวแทนทำดีเพื่อพ่อ น.ส.ซินเธีย เอี่ยมสะอาด ไฮโซแกนนำกลุ่มคนไทยผู้รักชาติ และผู้สนับสนุนประมาณ 10 ราย เข้าพบตำรวจ เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีต่อ "ช่อ" พรรณิการ์ วาณิช เข้าข่ายหมิ่นเบื้องสูง
นายเตชะหรือ“เต้ ทับทอง”และน.ส.ซินเธีย เอี่ยมสะอาด เข้าแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดี “ช่อ”พรรณิการ์ วานิช หมิ่นเบื้องสูง
คนดัง และเซเลปที่แห่กันมา บอกเพียงว่าต้องการมาเเจ้งความ เพราะทราบจากข่าวว่ายังไม่เคยมีใครมาร้องทุกข์กรณีดังกล่าว และไม่ได้อยากให้เป็นข่าว ก่อนเข้าให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนทันที ... คนจริงไม่พูดมากเจ็บคอ ก็ขึ้นอยู่กับว่า จากนี้ไป #อีช่อต้องรับผืดชอบอย่างไร ซึ่งเห็นมีข่าวกลับจากพม่ามาเรียบร้อยแล้ว

ความเคลื่อนไหวในเรื่องนี้ต้องบอกว่า สังคมให้ความสนใจกันมาก ยิ่งในโลกโซเซียลฯ วิพากษ์วิจารณ์กันดุเดือดเผ็ดมัน ทุกชนชั้น ชาวบ้านร้านตลาด ดารา นักร้อง ไปจนถึง นักการเมือง ใช้พื้นที่ของตัวเองในโซเซียลฯ แสดงออกความเห็นอย่างต่อเนื่อง

ตรรกะหลายๆอย่าง คิดเข้าใจได้ แต่ส่วนใหญ่ คือ รักและพยายามออกมาปกป้องสถาบันสำคัญของชาติ รากเหง้าของปวงชนชาวไทย แต่บางคนชาวเน็ต ก็ไม่แน่ใจ จนอยากจะถามว่า เป็นอะไรมากมั้ย ?

อย่าง "วัน อยู่บำรุง" ส.ส.พรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า "อยากรู้จัง ทำไมนักแสดง นักร้อง ส่วนใหญ่ชอบประกาศตัวว่ารักสถาบันฯพวกผมที่เป็นประชาชน ก็รักสถาบันฯไม่แพ้พวกคุณ ไม่เห็นต้องประกาศโชว์เลย !!!! #ไอ้ห้อยไอ้โหน ...
พรรณิการ์ วานิช - วัน อยู่บำรุง
"วัน" ที่วันนี้ เปลี่ยนลุคไปเยอะ พรีเซนต์ตัวเองใหม่ว่าเป็นคน "ใจถึงพึ่งได้" ช่วยเหลือสังคม จนมาได้เป็น ส.ส.คราวนี้ ก็พูดทำนองนี้ ... ภาพจำเก่าๆ เล่ายี่ห้อโผล่มาหลอนชาวเน็ต บางคนบอกว่า "วัน" คนเดิมกลับมาแล้ว โพสต์แบบนี้ "ทีตอนที่มีพวกโพสต์ล้มเจ้า เมิงไม่เห็นโพสต์ด่าบ้าง" ... ดารา คนดังที่เขารักเจ้า รักสถาบันฯ โพสต์ปกป้องในหลวง ดันไปแขวะเขา

สรุป "วัน อยู่บำรุง" ให้รักสถาบันฯ เงียบๆ เวลาสถาบันกษัตริย์ที่เป็นที่รัก และเทิดทูนของคนไทยรวมทั้ง"วัน" เองที่บอกว่ารักไม่แพ้คนอื่น โดนหมิ่นแล้วให้อยู่เงียบๆ งั้นหรือ ?

ตรรกะอะไรของ ส.ส.ผู้ทรงเกียรติ

แขวะคนดัง ดารา ว่าคนอื่นเป็นพวก"ไอ้ห้อย ไอ้โหน" แต่โพสต์นี้ของ"วัน" คนเข้าใจเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลย นอกจากคุณนั่นแหละ"ไอ้ห้อยไอ้โหน" ตัวจริง...

คือทั้งห้อย ทั้งโหน กระแสสังคม อยากเด่นอยากดังทุกเรื่อง ไม่ดูบริบทสังคม ...อยู่เฉยๆ ไม่โพสต์ก็ไม่มีใครว่า ใจไม่ถึงหรอก ตรรกะแบบนี้ ยิ่งทำให้สังคมแตกแยกหนักขึ้น น่าอนาถใจ

อย่างนี้เขาเรียกว่า...สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล

**"ท่านประธานชวน"ไม่ชักช้า ยึดการปฏิบัติหน้าที่เป็นกลางเคร่งครัด สั่งตรวจสอบคำร้อง 41 ส.ส.ถือหุ้นสื่อฯ ที่พรรคอนาคตใหม่ร้องเรียนเข้ามา ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญแล้ว ทั้งที่ ส.ส.ที่ถูกร้องเรียนนั้น อยู่ฝ่ายรัฐบาลทั้งสิ้น
ชวน หลีกภัย - ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
หลังเจอ"พิษหุ้นสื่อ" บริษัท วีลัค มีเดีย ที่ "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ถืออยู่ในช่วงลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญ รับเรื่องไว้พิจารณา และมีคำสั่งให้ "ธนาธร " หยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.เป็นการชั่วคราวจนกว่าการจะพิจารณาแล้วเสร็จนั้น ทำให้พรรคอนาคตใหม่ ต้องเสียขบวน รวนเร ไปพักใหญ่...

พลพรรคอนาคตใหม่ จึงได้ตั้งทีมตรวจสอบบรรดาส.ส.พรรคขั้วตรงข้าม ว่ามีใครบ้างที่ถือหุ้นสื่อ หรือเป็นเจ้าของบริษัท ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับสื่อ เพื่อ "เอาคืน"... จากนั้นจึงยื่นคำร้องต่อ "นายชวน หลีกภัย" ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อส่งต่อให้ศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาวินิจฉัย โดยยื่นเรื่องไป 2 ครั้ง... ครั้งเรก เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. ให้ตรวจสอบคุณสมบัติ ส.ส. 30 คน ครั้งที่ 2 วันที่ 6 มิ.ย. ยื่นเพิ่มอีก 11 คน รวมเป็น 41 คน ซึ่งขณะนี้ "นายชวน หลีกภัย" ได้ลงนามในคำร้อง แล้วส่งต่อให้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ในจำนวน 41 คนนี้ ปรากฏว่า เป็น ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ 27 คน พรรคประชาธิปัตย์ 12 คน พรรครวมพลังประชาชาติไทย 1 คน พรรคชาติพัฒนา 1 คน ... ซึ่งพรรคอนาคตใหม่ คาดหวังว่า การยื่นคำร้องผ่านประธานสภาฯ น่าจะไปถึงศาลรัฐธรรมนูญ เร็วกว่ายื่นผ่าน กกต. เพราะขั้นตอนการยื่นผ่าน กกต.นั้น จะต้องผ่านสำนักงานกกต. เมื่อสำนักงานฯ รับเรื่องไว้แล้ว จะต้องผ่านขั้นตอนการสืบสวน สอบสวนหาข้อมูลก่อน หากเห็นว่ามีมูล จึงจะส่งเข้าที่ประชุม กกต.เพื่อพิจารณา หากที่ประชุม กตต. พิจารณาแล้ว เห็นว่าเข้าข่ายความผิด จึงจะมีมติ และทำสำนวนคำร้อง ส่งไปให้ศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาวินิจฉัย ซึ่งขั้นตอนดังกล่าวนี้ ต้องใช้เวลาพอสมควร...เหนืออื่นใด คนของพรรคอนาคตใหม่ มองว่า...กกต.เป็นเป็นพวกเดียวกับฝ่ายที่ถืออำนาจอยู่ในขณะนี้ หากยื่นผ่านช่องทาง กกต. "ถูกดองแน่"...

เมื่อคำร้องถึงมือ "นายชวน หลีกภัย" ก็ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบคำร้อง ว่าถูกต้องหรือไม่ โดยใช้เวลาเพียง 1 สัปดาห์เท่านั้น ก็ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ โดยมิได้ชักช้า หรือถ่วงรั้ง ดึงเรื่องไว้ แต่ได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเป็นกลางอย่างเคร่งครัด มิได้มองว่าเรื่องนี้จะเป็นผลกระทบต่อฝ่ายรัฐบาล หรือเป็นประโยชน์ต่อฝ่ายค้าน ... แน่นอนว่า "พรรคอนาคตใหม่" คาดหวังว่าจะเห็น ศาลรัฐธรรมนูญ รับเรื่องไว้พิจารณา แล้วมีคำสั่งระงับการปฏิบัติหน้าที่ ของส.ส.เหล่านี้ ไว้เป็นการชั่วคราว เหมือนกรณีของ "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" ... และถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ก็จะส่งผลถึงการบริหารงานของรัฐบาล"ลุงตู่" ทันที เพราะเสียงส.ส.จะหายไป การลงมติเพื่อผ่านกฎหมาย ก็จะทำไม่ได้ โดยเฉพาะกฎหมายงบประมาณ ถ้าผ่านไม่ได้รัฐบาลก็พัง...

แต่กรณีนี้ ศาลรัฐธรรมนูญอาจจะพิจารณา และมีมติออกมาไม่รวดเร็ว เหมือนกรณีของ "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" ที่เรื่องถูกส่งไปจาก กกต. ซึ่งผ่านการสืบสวน สอบสวน ทำสำนวน ชี้มูลความผิด ตามข้อกฎหมายมาแล้ว ...ขณะที่เรื่องไปจากประธานสภาฯ จะยังไม่มีรายละเอียดในส่วนนี้ ศาลรัฐธรรมนูญต้องไปสืบสวน สอบสวน ก่อนสรุปสำนวน ... โดยเฉพาะการถือหุ้น หรือเป็นเจ้าของบริษัทที่ประกอบธุรกิจสื่อ ก็อาจจะแตกต่างกันไป หากตรวจสอบพบว่าบริษัทดังกล่าว เป็นธุรกิจที่มีรายได้จากการทำสื่อที่ชัดเจน ก็เป็นกรณีหนึ่ง ... หากเป็นบริษัท ที่ไม่ได้มีรายได้จากการทำสื่อ เพียงแต่ปรากฏในเอกสารการจดทะเบียนบริษัท ก็อาจจะเป็นอีกกรณีหนึ่ง ขึ้นอยู่กับการพิจารณา วินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ว่าจะชี้ขาดออกมาอย่างไร

ถึงเวลานั้น เราอาจจะได้เห็นคนของพรรคอนาคตใหม่ "ชื่นชม" การทำงานของศาลรัฐธรรมนูญ ถ้าผลการตัดสินออกมาในทางที่พวกเขาคาดหวัง ... ขณะเดียวกันก็ อาจจะเห็นการโจมตีว่า ศาลรัฐธรรมนูญ "สองมาตรฐาน" ได้เช่นกัน ถ้าผลเป็นไปในทางตรงกันข้ามที่ไม่เป็นคุณกับพวกเขา ...เพราะคนพรรคนี้ ไม่เคยย้อนมองดูตัวเอง ที่ปากก็เรียกร้อง ความเท่าเทียม เสมอภาค ... แต่การกระทำของตัวเองกลับ "เลือกปฏิบัติ" เห็นได้ชัดจากกรณีนี้ ที่พรรคอนาคตใหม่ ยื่นคำร้องให้ตรวจสอบเฉพาะพรรคในซีกรัฐบาล แต่ไม่ตรวจสอบ ส.ส.พรรคเพื่อไทย และพรรคอื่นๆ ในซีกของตัวเองเลย...





กำลังโหลดความคิดเห็น