xs
xsm
sm
md
lg

"เพื่อแม้ว" ไม่ทน สกัดเส้นทาง"ธนาธร"ขวางชิงนายกฯ !?

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ - คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์  - ชัยเกษม นิติสิริ
เมืองไทย 360 องศา

แม้ว่าในข้อกฎหมายยังต้องถกเถียงกันว่า "สถานะ"ของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้"ยุติการปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.เป็นการชั่วคราว"เพื่อรอการวินิจฉัยจากกรณีถูกคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ยื่นคำร้องว่ามีคุณสมบัติต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ จากการถือหุ้นสื่อมวลชน โดยที่เจ้าตัวก็ยังยืนยันเสนอตัวเองเพื่อแข่งขันการโหวตชิงเก้าอี้นายกรัฐมนตรีในที่ประชุมรัฐสภาที่กำหนดเอาไว้ในวันที่ 5 พฤษภาคมนี้

ขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาจากจำนวน ส.ส.ของพรรคอนาคตใหม่มากเป็นอันดับสาม รองจากพรรคเพื่อไทย และพรรคพลังประชารัฐ รวมไปถึงความเป็นไปได้ให้มากที่สุด สำหรับ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ต้องได้รับการสนับสนุนจากพรรคพันธมิตร ทั้ง 7 พรรคอย่างเป็นเอกภาพเสียก่อน หรือหากพิจารณาจาก"ความฝัน"ในเรื่อง"ขั้วที่ 3"ที่ต้องดึงพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคภูมิใจไทยเข้ามาร่วมก็ตาม แต่ก็ยังห่างไกลความจริงหรือความ"เป็นไปได้"ในแทบจะทุกเรื่อง แทบจะเรียกว่า"เพ้อเจ้อ"ทางการเมืองเท่านั้น

อย่างไรก็ดีแม้ว่าหลายคนมองออกว่าการเสนอตัวเพื่อชิงเก้าอี้นายกรัฐมนตรีของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ย่อมมี"เจตนาแอบแฝง"หวังผลบางอย่างตามมาแน่นอน ซึ่งค่อยมาพิจารณาทีหลัง แต่นาทีนี้มาพิจารณาปฏิกิริยาในพรรคเพื่อไทยก่อนที่แสดงออกมาหลังจาก ธนาธร ประกาศตัวชิงเก้าอี้นายกรัฐมนตรี

แน่นอนว่า พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคที่มีจำนวน ส.ส.มากที่สุดคือ 137 คน มีแคดิเดตนายกฯ 3 คนคือ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ และ ชัยเกษม นิติสิริ โดยคนแรกคือคุณหญิงสุดารัตน์ ได้ประกาศไม่รับการเสนอชื่อไปแล้ว รวมทั้ง ชัชชาติที่แม้ยังไม่ประกาศท่าทีชัดเจนว่าจะเอาอย่างไร แต่วงในรับรู้กันว่าเขาเตรียมเบนเข็มไปลงสนามแข่งขันชิงเก้าอี้ผู้ว่าราชการกรุงเทพฯมานานแล้ว ดังนั้นจึงเหลือเพียง ชัยเกษม ที่น่าจะเป็นตัวเลือกที่เหลืออยู่

ขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาจากความเห็นของ ส.ส.และสมาชิกพรรคเพื่อไทยในเวลานี้ค่อนข้างเฆ้นตรงกันว่าต้องเสนอแคดิเดตจากพรรคเพื่อไทยเท่านั้นเพื่อชิงเก้าอี้นายกรัฐมนตรีในที่ประชุมรัฐสภา ไม่ว่าจะเป็นท่าทีที่ชัดเจนของ กลุ่ม ส.ส.ภาคอีสานผ่านทาง ไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม และ นพ.เชิดชัย ตันติศิริ อดีต ส.ส.และแกนนำคนเสื้อแดงภาคอีสาน ที่ย้ำว่า 7 พรรคพันธมิตรจะเสนอชื่อแคดิเดตจากพรรคเพื่อไทยเท่านั้น

หากพิจารณาตามหลักการมันก็ต้องเป็นแบบนี้อยู่แล้วที่พรรคการเมืองที่มีจำนวน ส.ส.มากที่สุดและเป็นพรรคแกนนำในการแบ่งขั้วตั้งรัฐบาล แม้ว่าในความเป็นจริงและภายใต้กติกาใหม่จะรวบรวมเสียงอย่างไรก็ไม่มีทางเอาชนะอีกขั้วหนึ่งที่มีพรรคพลังประชารัฐเป็นแกนนำและสนับสนุน "บิ๊กตู่"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีก็ตาม แต่นั่นก็ถือว่าเป็นสิทธิ์อันชอบธรรมสำหรับการแข่งขัน ที่เมื่อวัดกันด้วยจำนวน ส.ส.ที่เชื่อกันว่า"สำหรับเสียงในสภาผู้แทนฯ"เฉือนชนะกันไม่กี่เสียงก็ตาม

สำหรับ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ จากพรรคอนาคตใหม่ได้ประกาศเสนอตัวเองชิงเก้าอี้นายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคมที่ผ่านมาโดยยืนยันว่าเขา"มีความพร้อม"และอ้างว่าพรรคเพื่อไทย และคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แคดิเดตจากพรรคเพื่อไทยเปิดทางให้แล้ว และน่าสังเกตก็คือวันที่เขาประกาศเรื่องนี้เกิดขึ้นก่อนหน้าที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเรื่องคุณสมบัติเนื่องจากกรณีถือหุ้นกิจการสื่อมวลชนอันเป็น"สิ่งต้องห้าม"พร้อมกับการประกาศตั้ง"ขั้วที่สาม"หาทางดึงพรรคการเมืองอื่นมาร่วม

เมื่อพิจารณาจากความเคลื่อนไหวล่าสุดของพรรคเพื่อไทยที่ยังยืนยันเสนอชื่อแคดิเดตของพรรคชิงเก้าอี้นายกฯนั่นก็เท่ากับว่าเป็นการ"ปิดทาง"ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ไปโดยปริยาย ซึ่งในทางหลักการถือว่าเป็นเรื่องถูกต้องไม่อาจโต้แย้งได้ แต่ขณะเดียวกันในทางการเมืองแม้ไม่ได้แถลงออกมาให้เห็น แต่ก็พอมองออกว่าการปิดทางดังกล่าวก็เพื่อไม่ต้องการให้ธนาธร โดดเด่นทาบทับไปมากกว่านี้

เพราะต้องยอมรับความจริงว่านับตั้งแต่ที่ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นำพรรคอนาคตใหม่ปรากฎตัวในทางการเมือง ก็เริ่ม"บดบัง"พรรคเพื่อไทยมากขึ้นเรื่อยๆ สังเกตได้จากความเคลื่อนไหวที่ถูกจับจ้องตลอดเวลา ขณะที่บทบาทของพรรคเพื่อไทย แม้ว่าจะเป็นพรรคที่มี ส.ส.มากที่สุด แต่ก็ไม่โดดเด่น หรือแม้แต่พวก"แกนนำคนเสื้อแดง"ก็เงียบหายไปเลยเช่นเดียวกัน ดังนั้นอย่าได้แปลกใจพรรคเพื่อไทยจะต้องยืนยันเสนอคนของพรรคชิงโหวตนายกฯแม้จะรู้ว่าเป็นไปได้ยาก แต่อย่างน้อยก็เพื่อ"เบรก"ความร้อนแรงของ ธนาธร ลงมาก่อน

ขณะที่ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นั้นนอกจากรู้ว่าเป็นไปไม่ได้แล้ว เพราะยังมี"ชนัก"เรื่องคุณสมบัติจากการถือหุ้นสื่อแล้ว ที่เสี่ยงต่ออนาคตการเมืองดับสูญแล้ว หากมองกันแบบละเอียดแล้วมันก็เหมือนกับว่า"มีเจตนาสร้างกระแสป่วน"หรือเปล่า มีเจตนาสื่อให้เห็นว่าเขาถูก"สกัด"ไม่ให้ไม่ให้ไปต่อหรือเปล่า !!


กำลังโหลดความคิดเห็น