เสียง ปชป.ไม่ร่วมรัฐบาล พปชร.เพิ่ม ไม่พอใจ “บิ๊กตู่” ขอดูรายชื่อ ครม. ทั้งขอเลือกนายกฯ ก่อนค่อยแบ่งโควตา รมต. ขู่ยุบสภาซ้ำ ขณะกลุ่ม “ถาวร เสนเนียม” ยังอยากนั่งเก้าอี้ คาดไปร่วมครึ่งพรรค จับตาขั้วที่ 3 หากเลือกนายกฯ ก่อน เหตุ “อนุทิน” เคยประกาศไม่ร่วมเสียงข้างน้อย
บรรยากาศที่พรรคประชาธิปัตย์ช่วงเช้าวันนี้ (29 พ.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายชวน หลีกภัย อดีตหัวหน้าพรรค ว่าที่ประธานรัฐสภา ยังคงเดินทางมาที่ทำการพรรคตามปกติ รวมถึงนายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช และ ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคอีกหลายคน แต่ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะมีการประชุมกรรมการบริหารพรรคและ ส.ส.อีกครั้งเมื่อไหร่ หลังจากที่เมื่อวานนี้ (28 พ.ค.) ต้องเลื่อนไปอย่างไม่มีกำหนด เนื่องจากพรรคพลังประชารัฐยังไม่ตอบกลับเงื่อนไขที่พรรคได้เสนอไป
ทั้งนี้ มีรายงานว่าหลังจากท่าทีของพรรคพลังประชารัฐที่ขอให้โหวตเลือกนายกรัฐมนตรีก่อน ค่อยมาจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีทีหลัง ประกอบกับท่าที พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ ที่ออกมาระบุว่าจะขอตรวจสอบรายชื่อรัฐมนตรีของพรรคการเมืองอื่นด้วย ทำให้ ส.ส.และกรรมการบริหารพรรคที่เคยสนับสนุนให้พรรคประชาธิปัตย์ร่วมรัฐบาลไม่พอใจเนื่องจากถือเป็นการก้าวก่ายการทำงานของพรรคการเมืองอื่น และเป็นการไม่ให้เกียรติในทางการเมือง หากไปร่วมรัฐบาลก็จะถูกกดหัวเป็นได้เพียงไม้ประดับ อีกทั้งยังมีแนวโน้มที่พลังประชารัฐจะผิดคำพูด ดึงกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพาณิชย์กลับไป จากเดิมที่ตกลงจะให้พรรคประชาธิปัตย์ดูแล ซึ่งจะทำให้พรรคไม่สามารถผลักดันนโยบายประกันรายได้เพื่อแก้ปัญหาสินค้าเกษตรตกต่ำ โดยเฉพาะยางพาราและปาล์มน้ำมันได้ หากเป็นเช่นนั้นก็ไม่มีประโยชน์ที่พรรคจะเข้าร่วมรัฐบาล นอกจากนี้ยังมีการส่งสัญญาณขู่ว่าจะยุบสภาหลังตั้งนายกรัฐมนตรีได้ด้วย ทำให้กลุ่มคนที่เห็นว่าไม่ควรร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐเริ่มมีมากขึ้น จากเดิมที่มีเพียงกลุ่มของนายอภิสิทธิ์ เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีผู้เห็นว่าไม่ควรร่วมรัฐบาลเพิ่มขึ้น แต่มีรายงานความเคลื่อนไหวของกลุ่มของนายถาวร เสนเนียม ที่ยังเกาะกลุ่มกันเหนียวแน่นและต้องการจะเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ โดยมีรายงานว่านายถาวรจะได้ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงใดกระทรวงหนึ่ง จึงมีโอกาสที่จะเกิดภาพไปร่วมรัฐบาลแค่ครึ่งพรรค
ขณะเดียวกัน เรื่องขั้วที่ 3 ก็เริ่มกลับมาพูดถึงกันในพรรคอีกครั้ง เพราะหากพลังประชารัฐจะเดินหน้าตั้งนายกรัฐมนตรีก่อนโดยไม่สนว่าจะเป็นเสียงข้างน้อยหรือไม่ ก็จะกระทบต่อคำประกาศของนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่วางเงื่อนไขว่าจะไม่ร่วมรัฐบาลเสียงข้างน้อย จึงทำให้มีโอกาสที่พรรคภูมิใจไทยอาจต้องทบทวนท่าทีการร่วมรัฐบาลใหม่อีกครั้งเนื่องจากปัจจัยและเงื่อนไขทางการเมืองเปลี่ยนแปลงไป