“บิ๊กตู่” ย้ำคุณภาพชีวิต สิ่งแวดล้อม และปัจจัย 4 สำคัญที่สุด ฝากนายกฯ ใหม่ยกระดับคุณภาพชีวิตชุมชน สร้างอนาคตลูกหลาน รับวางกรอบให้แล้ว 10 ปี สร้างที่อยู่ใหม่
วันนี้ (15 พ.ค.) เมื่อเวลา 15.50 น. ที่ศูนย์บริการสาธารณสุข 41 คลองเตย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังตรวจเยี่ยมการให้บริการด้านการแพทย์และสาธารณสุขในระดับปฐมภูมิ สำหรับประชาชนในกรุงเทพมหานคร ตามกำหนดการลงพื้นที่ตรวจราชการเขตคลองเตย ว่าตนได้รับรู้ถึงสภาพความเป็นอยู่มาบ้าง เพราะคนเป็นรัฐบาลก็ต้องเตรียมการก่อนลงพื้นที่ สิ่งสำคัญที่สุดของคนเราคือเรื่องคุณภาพชีวิต สิ่งแวดล้อม และปัจจัย 4 ซึ่งเขายังไม่มีความพร้อมในด้านเหล่านี้ วันนี้ดีใจที่หลายหน่วยงานเข้าไปช่วยเหลือ ตนก็ขอบคุณทั้ง กทม.และการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) ผู้รับผิดชอบพื้นที่ ซึ่งเราก็มีแผนพัฒนาไปสู่พื้นที่ที่ดีกว่า เช่น การสร้างแฟลตให้อยู่อาศัย ชาวบ้านก็ยืนยันว่าพร้อมจะร่วมมือกับหน่วยงานเพื่อพัฒนาชีวิตตนเอง สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่เราต้องสร้างความเข้าใจ ไม่มีอะไรที่ร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะนี่คือประเทศไทย ทุกคนอาจเคยชินกับการสนับสนุนจากรัฐ แต่ปัญหาของรัฐก็มากอยู่แล้ว แต่ 5 ปีที่ผ่านมาเราก็ช่วยกันแก้ปัญหามากพอสมควร เพื่อพาประเทศไปสู่ไทยแลนด์ 4.0 นั่นคือคนต้องอยู่ร่วมกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ได้ แม้เทคโนโลยีจะเข้ามาแทน แต่เราต้องฝึกคนของเราให้ทำงานร่วมกับเครื่องจักรได้ และเข้ากับการค้าสมัยใหม่คือการค้าออนไลน์ ที่เพิ่มขึ้นสูงและสร้างผลกระทบอย่างมาก แต่ทุกคนต้องเดินไปสู่การแก้ปัญหาที่รัฐบาลได้เตรียมไว้ รัฐบาลทำให้ได้ แต่ถ้าไม่ร่วมมือกันก็อยู่ที่เก่า ความขัดแย้งก็สูงขึ้น จะทำให้เสียประโยชน์ของเรา
นายกฯ กล่าวว่า ส่วนที่จะสร้างที่อยู่ใหม่นั้นก็คงต้องไปสร้างตลาดให้เกิดขึ้นก่อนหรือไม่ เหมือนตลาดบองมาเช่ เมื่อมีตลาด มีที่พักผ่อน เดี๋ยวพวกเขาก็อาจจะตามกันไปทั้งหมด โดยเราจะเริ่มต้นโครงการทั้งหมดในปี พ.ศ. 2562-2572 ถ้าทำให้เร็วกว่านี้ก็จะยิ่งดี เพียงแต่บางคนเขายังไม่อยากไป จึงต้องสร้างการรับรู้ว่าถ้าย้ายออกไปแล้ว ที่ใหม่จะเกิดอะไร และที่เดิมจะเกิดอะไร วันนี้เราขายของได้เฉพาะในพื้นที่ รายได้จึงน้อย แต่ถ้าเราเปลี่ยนแปลงก็อาจมีการสร้างงานให้เกิดขึ้น นี่คือการสร้างโอกาสให้ลูกหลาน ถ้าเราไม่ทำตั้งแต่วันนี้ อนาคตก็จะเป็นแบบเดิม เป็นปัญหาที่มีตลอด กี่สิบกี่ร้อยปี อย่างไรก็ดี ตนพูดในฐานะรัฐบาลชุดนี้ ส่วนรัฐบาลหน้ายังไม่รู้ มันขึ้นอยู่กับนายกฯ คนใหม่ เพราะยังไม่รู้ว่าเป็นใครเหมือนกัน