xs
xsm
sm
md
lg

“พีระพันธุ์” ไม่หวั่นถูกร้องถือหุ้นสื่อ ชี้แค่จดทะเบียนครอบจักรวาล อุบชิง หน.ปชป.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค (แฟ้มภาพ)
ว่าที่ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ปชป. ไม่กังวล “เรืองไกร” ร้องขาดคุณสมบัติผู้สมัคร ส.ส. ยันไม่ได้ถือหุ้นที่ประกอบกิจการสื่อ แต่ยอมรับหุ้นที่ถือจดทะเบียนครอบจักรวาล แต่ยังไม่ได้ประกอบกิจการ ยังอุบชิง หน.ปชป.

วันนี้ (7 พ.ค.) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ยื่นหนังสือขอให้กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจสอบกรณีที่ถือหุ้นบริษัท วีพี แอโร่เทค จำกัด ซึ่งที่ระบุในวัตถุประสงค์การจดทะเบียนประกอบกิจการสื่อ และอาจเข้าข่ายขาดคุณสมบัติผู้สมัคร ส.ส.ว่า ยังไม่ทราบรายละเอียดที่นายเรืองไกรไปร้อง ต้องรอให้ กกต.แจ้งมาก็พร้อมที่จะชี้แจง แต่ยืนยันว่าตนไม่มีกิจการสื่อใดๆ แต่เป็นเพียงการจดทะเบียนบริษัที่ดำเนินการโดยทนายความ และจดให้ครอบคลุมกิจการหลายอย่าง แต่ในทางปฏิบัติไม่ได้ดำเนินกิจการเกี่ยวกับสื่อ ดังนั้น เห็นว่าการตีความในเรื่องนี้ควรต้องดูที่เจตนา ทั้งนี้ ยืนยันว่าไม่รู้สึกกังวล เพราะตนไม่ได้ถือหุ้นในบริษัทใดที่ประกอบกิจการสื่อ แต่การตีความก็ขึ้นอยู่กับคนที่มีอำนาจ ซึ่งการตีความที่ผ่านมาองค์ประกอบข้อเท็จจริงของคนอื่นอาจจะแตกต่างจากตน

“การทำกิจการหมายถึงว่าบริษัทต้องทำกิจการนั้นจริง ในความเห็นของผม ผมพูดตามกฎหมาย คำว่าทำกิจการกับมีวัตถุประสงค์นั้นต่างกัน บริษัทมีวัตถุประสงค์เพื่อการนี้ แต่ไม่ได้แปลว่าประกอบกิจการด้านนี้ เพราะฉะนั้น ในทางปฏิบัติของกระทรวงพาณิชย์กับทนายที่จดทะเบียนในเรื่องนี้ เขาก็จะจดทะเบียนวัตถุประสงค์แบบครอบจักรวาลไว้ก่อน แต่เวลาที่เราจะทำกิจการอันไหน เราก็จะระบุไว้ในเอกสารอีกส่วนหนึ่ง และไปดูภาษีมูลค่าเพิ่มว่าจะจ่ายเกี่ยวกับกิจการอะไร เพราะฉะนั้น ทนายจะเป็นคนไปจดทะเบียนเยอะแยะ แต่เวลาจะทำอะไรก็ต้องแจ้งอีกทีว่าจะออกภาษีมูลค่าเพิ่มกิจการอะไร ถ้าคุณทำสื่อก็ต้องแจ้งว่าทำธุรกิจสื่อ ก็ออกเอกสารเรื่องการชำระภาษีมูลค่าเพิ่มเรื่องสื่อ พอมาเป็นอย่างนี้กฎหมายเขียนว่าห้ามไม่ให้เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชน ถ้าดูตามหลักกฎหมาย คำว่า “กิจการ” แปลว่าจะต้องทำการด้านนั้น ไปเปิดพจนานุกรมดูได้ แต่คนที่มีอำนาจจะชี้แบบไหน เราก็ไม่สามารถจะขัดขืนได้ เราก็ต้องดูว่าเราจะชี้แจงกันอย่างไร ก็ว่ากันมาอีกทีหนึ่ง แต่หลักมันมาอย่างนี้ แต่ถ้าเขามีอำนาจแล้วชี้มา เราจะไปเถียงอะไรเขา แต่หลักกฎหมายมันเป็นมาอย่างนี้” นายพีระพันธุ์กล่าว

ส่วนประเด็นที่ถูกร้องเรื่องถือหุ้นสื่อจะกระทบต่อการจะเสนอตัวชิงหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่นั้น นายพีระพันธุ์กล่าวว่า ไม่น่าจะเกี่ยวกัน เพราะตนก็ยังไม่ได้ตัดสินใจ 100 เปอร์เซ็นต์ว่าจะลงสมัครหรือไม่ ขณะนี้อยู่ระหว่างการตัดสินใจ โดยขณะนี้มีเลขาธิการพรรคในใจแล้ว ทั้งหมดจะตัดสินใจและชัดเจนในสัปดาห์นี้


กำลังโหลดความคิดเห็น