xs
xsm
sm
md
lg

เช็กกระแส “ธนาธร” ยืดอกแจงข้อหากับโวยวายแบบไหนได้ใจ !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เมืองไทย 360 องศา





เชื่อว่าหลายคนคงจะรู้สึกผิดหวังหรือแปลกใจกับท่าทีและความเคลื่อนไหวของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ หลังจากถูกสื่ออย่าง “สำนักข่าวอิศรา” ขุดคุ้ยตรวจสอบพบความผิดปกติในการโอนหุ้นสื่อในชื่อบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ทั้งในเรื่องความผิดปกติเกี่ยวกับวันที่ในการโอนหุ้น จนในเวลาต่อมามีคนไปร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และในที่สุดก็ถูก กกต.แจ้งข้อกล่าวหาว่าเข้าข่ายมี “คุณสมบัติต้องห้าม” ในการรับสมัคร ส.ส.จากการถือหุ้นสื่อ พร้อมทั้งให้มาชี้แจงพร้อมกับนำเอกสารหลักฐานมาชี้แจง เพื่อแก้ข้อกล่าวหาตามกำหนด

เพราะเมื่อพิจารณาจากความเคลื่อนไหวของเขา คือ ทั้ง ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่ถูกตั้งข้อกล่าวหาจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในเรื่องคุณสมบัติต้องห้าม และเปิดโอกาสให้มาชี้แจงพร้อมหลักฐานมาแสดงภายใน 7 วัน กลับทำให้สังคมที่เฝ้ามองเรื่องนี้ด้วยความสนใจ เริ่มได้เห็นตัวตนของพวกเขาได้มากขึ้น ซึ่งหมายรวมไปถึง ปิยบุตร แสงกนกกุล ที่เป็นเลขาธิการพรรค ที่พยายามยกเอากฎหมายและความเชื่อของเขามากดดันให้ทุกคนคล้อยตามหรือเชื่อตามไปกับเขา

ที่น่าสนใจก็คือ พวกเขา ทั้ง ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และ ปิยบุตร ต่างพยายามเฉไฉให้เป็นเรื่องของ “เผด็จการ-ประชาธิปไตย” ความหมายก็คือ นี่คือแผนสมรู้ร่วมคิดในการสกัดกั้นพวกเขาไม่ให้เข้าสภา ไม่ให้เข้าสู่อำนาจตามระบอบประชาธิปไตย ไปโน่นอีก ซึ่งแม้ว่าในข้อเท็จจริงหากมองเผินๆ ภายนอกอาจจะกลายเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริงก็ได้

แต่สิ่งที่ต้องพิจารณากันก่อนในเบื้องต้น ก็คือ ธนาธร จะต้องแสดงให้สังคมเห็นถึงความมี “วุฒิภาวะ” ให้มากกว่านี้ อย่างน้อยก็ต้องทำให้เห็นว่าเป็นการ “ทำการเมืองแบบใหม่” ตามที่อ้างกันเป็นจุดขายมาตลอดให้มากกว่านี้ เพราะการแสดงท่าทีแบบนี้ทำให้มองเห็นได้เหมือนกันว่าพวกเขากำลัง “จนมุม” ไม่มีหลักฐานที่สามารถมาแก้ข้อกล่าวหา นั่นคือ ไม่อาจพิสูจน์หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ได้ จึงต้องแสดงท่าทางกราดเกรี้ยวใส่คณะกรรมการการเลือกตั้ง รวมไปถึงสื่อที่เปิดโปงขุดคุ้ยเรื่องนี้ขึ้นมา

แน่นอนว่า การเคลื่อนไหวของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ กับ “คู่หู” คือ ปิยบุตร แสงกนกกุล ในเวลานี้ หากเปรียบเทียบกับการที่ยืดอกพร้อมพิสูจน์ทุกข้อกล่าวหา เดินเข้าหาพร้อมแสดงหลักฐานทั้งต่อ กกต.และต่อสังคมหากมีข้อสงสัยในทุกเรื่อง พร้อมประกาศยอมรับให้มีการตรวจสอบตามกติกาในฐานะเป็นบุคคลสาธารณะได่อย่างเต็มที่ แบบนี้ต่างหากที่น่าจะได้ใจมากกว่าที่เป็นอยู่หรือไม่

แต่ก็อย่างว่าแหละความเคลื่อนไหวและท่าทีของพวกเขาอย่างที่เห็นในเวลานี้ หากมองอีกมุมมันก็อาจสงสัยได้เหมือนกันว่าเป็นเพราะพวกเขา “จนมุม” ไม่มีหลักฐานที่พิสูจน์แก้ข้อกล่าวหาให้หลุดพ้นไปได้หรือไม่

ขณะเดียวกัน กรณี ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ถูกแจ้งข้อหาในเรื่อง “คุณสมบัติต้องห้าม” จากการถือหุ้นสื่อถือว่าเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเขา เพราะนี่คือ “เดิมพัน” ทางการเมืองทั้งชีวิตกันเลยทีเดียวก็ว่าได้ และทุกอย่างก็กำลังเดินหน้าเริ่มต้นไปด้วย และถือว่าเกินความคาดหมายอย่างมาก สำหรับวิถีชีวิตทางการเมืองที่แจ้งเกิดตั้งแต่ลงสนามครั้งแรก

แต่ในอีกมุมหนึ่งในสนามการเมือง ถือว่าเป็นบุคคลสาธารณะย่อมต้องถูกตรวจสอบอย่างเข้มข้นกว่าที่เคยเป็นหลายเท่า มันอาจจะแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับชีวิตของพวกเขาก่อนหน้านี้ที่เคยแต่วิจารณ์คนอื่นอย่างฉาบฉวยอยู่วงนอก ที่อาจดูเท่ สามารถประดิดประดอยคำพูดหรูวิจารณ์คนอื่นได้ตลอดเวลา แต่เมื่อกลายเป็นนักการเมืองเขาก็ต้องแสดงความพร้อมให้มากกว่าที่เป็นอยู่แน่นอน

และที่สำคัญสิ่งที่เกิดขึ้น มันไม่ได้เกี่ยวกับเรื่อง “ประชาธิปไตย” ตามที่พยายามเฉไฉ ออกนอกทาง แต่เป็นเรื่องของการถูกตรวจสอบ ถูกกล่าวหา ซึ่ง ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ต้องพิสูจน์ด้วยการแสดงหลักฐานมายืนยันให้ได้ ซึ่งสุดท้ายเชื่อว่าต้องไปชี้ขาดกันที่ศาล แต่นาทีนี้เท่าที่เห็น ด้วยความเคลื่อนไหวที่เป็นอยู่มันมีพิรุธมากมาย และยังสะท้อนให้เห็นถึงการ “ด้อยวุฒิภาวะ” ลดความน่าเชื่อถือลงไปไม่น้อย !!


กำลังโหลดความคิดเห็น