xs
xsm
sm
md
lg

นปช.รวมกันตายหมู่-ได้เวลาแยกวงทางใครทางมัน !!

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เมืองไทย 360 องศา





การประกาศแจ้งให้ทราบของ จตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช.ระหว่างงาน "สงกรานต์บานฉ่ำ" ที่พวกเขาจัดขึ้นที่ห้าง อิมพีเรียล ลาดพร้าวเมื่อวันก่อนว่า จะมีการจัดงานและใช้สถานที่นี้พบปะ ประชุมรวมไปถึงทำกิจกรรมกันเป็นครั้งสุดท้าย โดยหลังจากนี้คือตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นไปจะมีการใช้สถานที่อื่นในการพบปะทำกิจกรรมของกลุ่ม โดยระบุเหตุผลที่สรุปรวมๆว่าเพื่อต้องการลดค่าใช้จ่าย ส่วนจะเป็นที่ใดนั้นยังไม่แจ้ง

อย่างไรก็ดีหากพิจารณาจากความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะการประกาศย้ายสถานที่การทำกิจกรรมพ้นจากห้างอิมพีเรียล ลาดพร้าว มันก็เหมือนกับการส่งสัญญาณชัดเจนแล้วว่า ถึงเวลาที่ นปช.หรือคนเสื้อแดงจะต้อง"แยกสลาย"กันไปแล้ว เพียงแต่ว่าไม่อาจประกาศออกมาได้ตรงๆเท่านั้นเอง เพราะอาจจะกระทบกับ"สถานะ"ของพวกบรรดาแกนนำในหลายระดับ ที่ยังจำเป็นต้องคงเอาไว้ต่อไป ด้วยเหตุผลที่แม้จะไม่อธิบาย แต่ก็พอเข้าใจได้

ขณะเดียวกันในความเป็นจริง ก็ต้องบอกว่า "กลุ่มนปช."หรือที่ตั้งชื่อเรียกตัวเองว่า"กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ"นั้น ได้แยกสลายตัวเองมานานแล้ว และที่สำคัญบรรดาแกนนำต่างก็มีการแยกย้ายทำกิจกรรมทั้งในแบบส่วนตัวและเฉพาะกลุ่มมานานพักใหญ่แล้ว และที่เห็นได้ชัดก็ในช่วงการเลือกตั้งที่ผ่านมาที่แต่ละคน แต่ละกลุ่มได้มีการแยกย้ายกันไปสังกัดพรรค มากมาย ถึงขนาดสังกัดพรรคการเมือง"ต่างขั้ว"ดังที่เห็นกันอยู่

นอกเหนือจากนี้ด้วยสภาพความจำเป็นที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือเวลานี้บรรดาแกนนำในระดับหัวขบวนทั้งหมดกำลังถูกดำเนินคดีร้ายแรง เช่น จตุพร พรหมพันธุ์ ที่เป็นประธาน นปช.ที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองเป็นเวลา 10 ปี และมีคดีอาญาต้องเดินขึ้นศาลอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะคดีจากการชุมนุมเมื่อปี 53 ที่เขาและพวกที่รวมถึง ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ วีระกานต์ มุสิกพงศ์ เป็นต้น ถูกฟ้องเป็นจำเลยในข้อหาก่อการร้าย ศาลได้นัดตัดสินคดีในเดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้แล้ว และนี่ยังไม่นับคดีอื่นๆอีกเป็น"หางว่าว"

อีกทั้งด้วยสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป นั่นคือไม่ได้เอื้อให้มีการ"ก่อม็อบ"หรือการสร้างม็อบในยุคปัจจุบันไม่สามารถทำได้ง่ายอีกต่อไป ทั้งเรื่องข้อจำกัดด้านกฎหมาย รวมทั้งบรรยากาศที่ไม่เอื้ออำนวย มันก็ทำให้เป็นอีกเงื่อนไขหนึ่งที่ไม่อาจทำให้เกิดการรวมตัวกันได้ง่ายๆ

อีกทั้งในสภาพความเป็นจริง ที่บรรดาแกนนำคนเสื้อแดงเหล่านี้ ล้วน"ไม่มีต้นทุน"แต่ละคนล้วนมีการไต่เต้ามาจากม็อบคนเสื้อแดง และ"โหน"กระแสความนิยมของ ทักษิณ ชินวัตร และพรรคไทยรักไทยในอดีต พร้อมๆกับความ"อ่อนแอ"ของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ที่นำโดย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในช่วง 51-52 เป็นต้นมา จนทำให้ม็อบคนเสื้อแดงที่ได้"น้ำเลี้ยง"จาก ทักษิณ ชินวัตรและครอบครัว ที่จำเป็นต้องใช้แกนนำและมวลชนคนเสื้อแดงเป็นเครื่องมือในการ"ทวงอำนาจรัฐ"หรือรักษาอำนาจ ก็ได้รับการเลี้ยงดูเอาใจใส่ ถึงขั้นแกนนำบางคนที่มี"แบ็กกราวด์"จากศูนย์หรือติดลบก็ได้ดิบได้ดีมีบำเหน็จทางการเมืองกันถ้วนหน้า

ขณะที่แกนนำหลายคนก็ใช้ประโยชน์จากตำแหน่งแกนนำ สร้างความนิยมส่วนตัว และสามารถนำไป"ต่อยอด"ทางธุรกิจ หรือแม้แต่การสร้างเครือข่ายในหมู่ข้าราชการได้ไม่น้อย เพราะในบางยุคที่พรรคของพวกเขาได้เป็นรัฐบาลก็ถึงขั้นมีรายงานข่าวมีแกนนำ นปช.ระดับแถวหน้าบางคนสามารถผลักดันโยกย้ายข้าราชการตำรวจ และตำแหน่งราชการในตำแหน่งสำคัญทั้งในส่วนกลางและในต่างจังหวัดได้มากมาย สิ่งที่เกิดขึ้นล้วนเป็นอานิสงฆ์ที่เคยเกิดขึ้นในอดีต

อย่างน้อยก็ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาก่อนที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ที่ นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะเข้าควบคุมอำนาจตั้งแต่ปี 2557 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน มันก็เป็นกว่า 5 ปี ที่เครือข่าย ทักษิณ ชินวัตร ว่างเว้นจากอำนาจรัฐ มิหนำซ้ำบรรดาคนสำคัญตั้งแต่หัวขบวนในครอบครัวล้วนต้องคดีทุจริต ต้องหนี ต้องกบดานลดบทบาทลงไป รวมทั้งบางคนที่ต้องลุ้นคดีอาญาที่ศาลกำลังตัดสินในอีกไม่นานนี้

ประกอบกับในช่วงเวลา 5 ปีที่ผ่านมาบรรดาคนเสื้อแดงได้ถูก"แยกสลาย"กันไปอยู่คนละทิศละทางที่เห็นชัดก็คือจากการเลือกตั้งที่ผ่านมาที่แกนนำระดับ"หัวแถว"เกรดเอย้ายมาสังกัดพรรคพลังประชารัฐ ที่ประกาศสนับสนุน "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯดังเป็นที่ทราบกันดี

ด้วยปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นมันก็เป็นความจริงที่ประจักษ์ชัดอยู่แล้วว่า กลุ่ม นปช.ได้แยกสลายออกไปแบบทางใครทางมันนานแล้ว แม้กระทั่งกลุ่มก้อนหลักที่ยังเหลืออยู่ที่มี จตุพร พรหมพันธุ์ กับ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เป็นแกนอยู่ในเวลานี้หลายคนย่อมมองออกว่าไม่ได้เป็น"เนื้อเดียวกัน"เหมือนเมื่อก่อนแล้ว เมื่อแยกกันสร้างดาวกันคนละดวง เพียงแต่ว่าทั้งคู่ไม่มีทางประกาศ"แตกหัก"ในทางเปิดเผย เพราะพวกเขายังต้องใช้ประโยชน์สนับสนุนจากมวลชน ที่แม้ว่าจะลดความเข้มข้นลง แต่ถึงอย่างไรก็ต้องรักษาสถานะแบบนี้เอาไว้

ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่งในความเป็นจริงอย่างที่รับรู้กันว่าพวกเขาแยกบทบาท ต่างคนต่างเดินทางใครทางมันมานานแล้ว เวลานี้มันก็เหมือนกับการ"แตกกระสานซ่านเซ็น"แล้วแต่ว่าแกนนำคนไหนสามารถรวบรวมสมัครพรรคพวกเอาไว้เป็นฐานเพื่อต่อรองสร้างราคาได้บ้างเท่านั้นเอง ดังนั้นภาพข้างในมันจึงเป็นลักษณะที่ว่า รวมกันตายหมู่ ได้เวลาแยกวงทางใครทางมัน!!


กำลังโหลดความคิดเห็น