เมืองไทย 360 องศา
หากมองจากคนนอกพรรคประชาธิปัตย์รวมไปถึงคนที่(เคย)สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์จำนวนไม่น้อยคงจะรู้สึกดีกับการประกาศยืนยันอีกครั้งของ ชวน หลักภัย ว่าจะหวนกลับไปรับตำแหน่งหัวหน้าพรรคอีกรอบเป็นอันขาด โดยย้ำว่าการอยู่ในสถานะแบบปัจจุบันนั้นสามารถช่วยเหลือพรรคได้ดีกว่าและทำได้ตลอดเวลา พร้อมทั้งขอบคุณสมาชิกพรรคทุกคนที่เรียกร้องและสนับสนุน
ที่ต้องบอกว่าหากใครเป็นคนนอกพรรค หรือเป็นที่สนับสนุนพรรคนี้ย่อมรู้สึกโล่งอกกับการที่ "นายหัวชวน"ใจแข็งบอกปัดเสียงเรียกร้องให้กลับมาเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์อีกรอบ โดยอ้างในเรื่องความเหมาะสมสำหรับการมากอบกู้พรรค เพราะได้รับการยอมรับ ได้รับการเคารพจากสมาชิกพรรค มีประวัติไม่เคยด่างพร้อย เคยเป็นนายกฯมาสองสมัย และยังย้ำให้เห็นอายุเป็นเพียงตัวเลขที่แม้วัย 82 ปีแล้วแต่ยังฟิตโดยเปรียบเทียบกับ "มหาเธร์ โมฮัมหมัด"ที่กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีมาเลเซียอีกรอบในวัยกว่า 90 ปี ก็แล้วแต่จะสรรหาเหตุผลมาประกอบ
อย่างไรก็ดีนาทีนี้ยังไม่มั่นใจว่าพอเอาเข้าจริงจะมีสมาชิกพรรคกี่คนกันแน่ที่จะให้การสนับสนุน ชวน หลีกภัย กลับมาเป็นหัวหน้าพรรคอีกรอบ หรืออาจจะมีแค่กลุ่มของ เทพไท เสนพงศ์ วัชระ เพชรทอง รวมไปถึงกลุ่มของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคคนก่อนหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาพวกเขาได้รับการสนับสนุนจาก นายหัวชวน เต็มที่
ขณะเดียวกันก็ต้องออกตัวและทำความเข้าใจกันในเบื้องต้นกันก่อน นั่นคือคงไม่มีใครปฏิเสธความดี ความสามารถและได้รับความนับถือจากสมาชิกพรรครวมทั้งคนไทยส่วนใหญ่ แต่อาจจะคนละเรื่องกับ"ความเหมาะสมกับสถานการณ์"หรือ"ยุคสมัย"หรือไม่ โดยเฉพาะการเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ในปัจจุบัน ซึ่งเชื่อว่าชื่อชั้น ชวน หลีกภัย หากแค่ส่งสัญญาณกลับมาก็มั่นใจว่าคงไม่มีใครกล้าขัดขวางอย่างออกนอกหน้าคงต้องยอมหลีกทางให้แน่นอน
แต่คำถามก็คือพรรคประชาธิปัตย์จะต้องการเพียงแค่นำ ชวน หลีกภัย มาลบรอยร้าวภายในพรรค ให้ทุกกลุ่ม ทุกคนหันหน้าเข้ามาเท่านั้นหรือ เพราะเชื่อว่าหากพิจารณาจากคนภายนอกเข้าไปข้างในก็คงต้องพูดตรงๆว่า"ศักยภาพ"ของเขาทำได้แค่นี้จริงๆ
สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือเวลานี้ชื่อของ ชวน ไม่ได้มีจุดขายสำหรับการแข่งขันทางการเมืองภายนอก ซึ่งไม่ใช่บอกว่าเขาไม่ดีหรือไม่มีความสามารถ เพียงแต่ว่า มัน"ไม่เหมาะกับยุคสมัย"ไปแล้ว หากคิดแค่เพียงว่าในการเลือกตั้งครั้งหน้าพรรคประชาธิปัตย์ขอแค่รักษาสถานะเดิม หรือได้ ส.ส.ในระดับเต็มที่ร้อยที่นั่งบวกลบ ก็อาจจะใช่ แต่หากคิดจะชนะเลือกตั้งทั่วประเทศ ขยายฐานในภาคอีสาน ภาคเหนือให้เติบโต ก็ต้องกล้าเปลี่ยน
ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่งก็ต้องหันกลับมาพิจารณาว่าทำไมถึงยังมีสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ และว่าที่ ส.ส.จำนวนหนึ่งยังวนเวียนอยู่กับความคิดแบบนี้อยู่ตลอดเวลา เหมือนกับย่ำอยู่กับอดีตไม่เคยคิดไปข้างหน้า เพราะหากจำกันได้แนวคิดให้ ชวน หลีกภัย กลับมาไม่ใช่ครั้งแรก เป็นข้อเสนอน่าจะเป็นครั้งที่ร้อยแล้ว ก่อนหน้านี้ช่วงแข่งขันชิงเก้าอี้หัวหน้าพรรคล่าสุดก็มีเสนอ เพียงแต่เขายืนยันปฏิเสธและแสดงท่าทีสนับสนุน อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อย่างชัดเจน
ดังนั้นเชื่อว่านาทีนี้หลายคนคงรู้สึกโล่งอกและคงสนับสนุนท่าทีของ ชวน หลีกภัย ที่ยืนยันไม่ขอกลับมานั่งเก้าอี้หัวหน้าพรรค หรือลงสมัครชิงเก้าอี้ดังกล่าว(สมาชิกต้องโหวต)อีกครั้ง โดยขอสนับสนุนพรรคในสถานะแบบเดิมในปัจจุบันต่อไป
เมื่อเขาไม่รับข้อเสนอแบบนี้เชื่อว่าภายในพรรคก็คง"คลายความอึดอัด"ลงไปอย่างสิ้นเชิงและถึงเวลาที่จะมีการเสนอตัวแข่งขันว่าใครจะได้รับการยอมรับที่จะเป็นผู้นำพรรคประชาธิปัตย์ในยุคใหม่ที่เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อ นำพาพรรคพ้นจากความตกต่ำให้ได้รับการยอมรับจากสังคมใน"วงกว้าง"กว่าที่เป็นอยู่ ซึ่งถือว่าท้าทายอย่างมาก
แน่นอนว่าหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่น่าจะเปิดกว้าง เพราะเมื่อถึงเวลาอาจจะไม่ใช่มีตัวเลือกแค่ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ และ กรณ์ จาติกวณิช ก็ได้ เพราะเชื่อว่ายังมีคนเก่งอีกจำนวนมาก !!