เมืองไทย 360 องศา
ภาพที่ปรากฏออกมาให้เห็นตามสื่อ ที่มีฝรั่งชายหญิงจำนวนราวสิบกว่าคนนั่งเผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ระหว่างที่ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เดินทางไปพบเจ้าหน้าที่ตามหมายเรียกในข้อหาความผิดอาญาตามมาตรา 116 ฐานยุยงปลุกปั่นให้เกิดความวุ่นวายในราชอาณาจักรและข้อหาอื่นอีก 2 ข้อหา เมื่อวันที่ 6 เมษายนที่สถานีตำรวจนครบาลปทุมวันซึ่งตามข่าวอ้างว่าฝรั่งดังกล่าวนั้นเป็นเจ้าหน้าที่จากสถานทูตส่วนใหญ่มาจากประเทศ สหรัฐอเมริกา อังกฤษ และอียู เป็นต้น
เป็นภาพที่ฝรั่งเหล่านั้นกำลังนั่งฟังการสอบสวนผู้ถูกกล่าวหาตามหมายเรียกในคดีความมั่นคง อยู่ในห้องสอบสวน ขณะที่ฝ่ายตำรวจเท่าที่เห็นน่าจะเป็น พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพรามณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแแห่งชาติที่ดูแลด้านคดีความมั่นคง ภาพที่เห็นคงสร้างแรงกดดันได้ไม่น้อย ทั้งฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมไปถึงคนไทยที่ได้เห็นภาพแบบนี้ และเชื่อว่าทำให้คนไทยจำนวนไม่น้อยที่รู้สึกโกรธขึ้นมาทันทีว่า"เราปล่อยให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ได้อย่างไร"
ในรายงานข่าวยังระบุอีกว่า"ฝรั่ง"พวกนั้นที่อ้างว่ามาจากสถานทูตหลายประเทศ นอกจากเข้าไปนั่งฟังการสอบสวนพร้อมกับผู้ต้องหาหรือผู้ถูกกล่าวหาแล้ว ยังมีการซักถามกดดันเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยอีกด้วย เช่น ตั้งคำถามว่า"ทำไมต้องนำพลเรือนขึ้นศาลทหาร" หรือเป็นการใช้กฎหมายปิดปากกลั่นแกล้งทางการเมืองกันหรือไม่เป็นต้น
เพราะนี่อาจเป็นครั้งแรกก็เป็นได้ที่บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องกับคดี เข้าไปร่วมรับฟังการสอบสวน การให้ปากคำร่วมกับผู้ถูกกล่าวหาหรือผู้ต้องหา ที่ผ่านมาเราจะเคยรับรู้ว่าตามระเบียบแล้วเจ้าหน้าที่จะอนุญาตให้เข้าไปในห้องสอบสวน ให้ปากคำเพียงแค่ผู้ต้องหา ทนายความ หรือหากเป็นคดีผู้เยาว์ก็จะมีเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับสิทธิเด็กเข้าฟังและร่วมซักถามเท่านั้น ส่วนคนอื่นจะไม่ได้รับอนุญาตอย่างเด็ดขาด แม้แต่สื่อมวลชนก็ต้องถูกกันอยู่ข้างนอก
แต่ภาพที่ปรากฏว่ามีฝรั่งจำนวนมากเข้าไปนั่งฟังและซักถามเจ้าหน้าที่ตำรวจเกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมาย สิ่งที่เกิดขึ้นมันทำให้เกิดความสงสัยและสร้างความไม่พอใจให้กับคนไทยจำนวนไม่น้อยถึงขั้นมอบแบบประชดประชันว่านี่เรา"กำลังกลับไปเสียสิทธิสภาพนอกอาณาเขต"ให้กับฝรั่งต่างชาติไปแล้วหรือ เพราะไม่ว่าเราจะเป็น"เผด็จการ"หรือประชาธิปไตยแบบไหนก็ตามเราย่อมมีสิทธิจัดการตามกฎหมาย ตามกระบวนการยุติธรรมของเรา การอ้างว่ามา"สังเกตการณ์"ต้องไม่ใช่ลักษณะแบบนี้ เพราะสามารถรออยู่ข้างนอกเหมือนกับคนอื่น ลักษณะแบบนี้ถือว่า"ไร้มารยาท" ยิ่งหากเป็นตัวแทนจากสถานทูตยิ่งไปกันใหญ่ เนื่องจากถือว่า"ไร้มารยาททางการทูต" ที่ไม่มีประเทศที่อ้างว่ามีอารยะที่ไหนเขาทำกันตามใจชอบ
ขณะเดียวกันถือว่าเป็นเรื่องที่ชอบอย่างยิ่ง ที่ ดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแจงว่าต้องเชิญทูตจากประเทศต่างๆมาเน้นย้ำเรื่องจรรยาบรรณทางการทูต เพราะนี่ถือว่าเป็นการแทรกแซงกิจการภายในแบบไร้มารยาทที่ให้อภัยไม่ได้ เพราะไม่เช่นนั้นจะเกิดลักษณะทำตามใจชอบแบบนี้เกิดขึ้นมาอีก
ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่งก็ต้องตั้งคำถามกับคนของเราเองด้วยว่า โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ควบคุมคดีดังกล่าว โดยเฉพาะนายตำรวจระดับสูงอย่าง พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพรามณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่ดูแลคดีและในภาพที่ปรากฏมีลักษณะคล้ายกับตัวเขาที่นั่งเผชิญหน้าอยู่กับพวกฝรั่งกลุ่มนั้น คำถามก็คือ"ปล่อยให้เข้าไปนั่งในห้องสอบสวนได้อย่างไร" ทำไมไม่กันหรือสั่งให้อยู่ด้านนอก เพราะหากมาสังเกตการณ์ตามอ้างจริงก็ต้องรอด้านนอก เหมือนกับคนอื่นๆ
หากภาพที่ปรากฏเป็นเรื่องจริง ถือว่าสมควรตำหนิอย่างยิ่ง เพราะไม่ต่างอะไรกับอาการ"หงอ"ให้ต่างชาติ เหมือนกับถูกแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมตามอำเภอใจ และไร้มารยาททางการทูต ซึ่งฝ่ายเจ้าหน้าที่ของเราก็ต้องเค้นหาคำตอบด้วยว่าปล่อยให้เกิดเหตุแบบนี้ได้อย่างไร !!