“วิทยา” ร้อง กกต.ตรวจสอบ “สัณหพจน์” ว่าที่ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ นครศรีธรรมราช ใช้ข้อมูลเท็จหาเสียง ผิดเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนดไว้ ชี้อย่าพยายามหาสูตรคำนวณ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ เผยท่าที ปชป.รอ กก.บห.ชุดใหม่เลือกข้าง
วันนี้ (5 เม.ย.) นายวิทยา แก้วภรารดัย ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เข้ายื่นคำร้องคัดค้านนายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง ผู้สมัคร ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่ได้รับเลือกตั้งมาด้วยคะแนนเสียงอันดับหนึ่ง เนื่องจากมีการเผยแพร่เอกสารแนะนำตัวเป็นเท็จ ด้วยการระบุว่าเป็นดอกเตอร์ และเป็นเลขาฯ ของอดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายพิจิตต รัตตกุล ซึ่งไม่เป็นความจริง เป็นการหาเสียงโดยไม่สุจริต ผิดเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนดไว้ ข้อเท็จจริงประจักษ์ชัด ไม่ยุ่งยากที่ กกต.จะวินิจฉัย แล้วแต่ กกต.จะพิจารณาว่าข้อมูลดังกล่าวจะให้ใบส้ม ใบเหลืองได้หรือไม่
นายวิทยายังกล่าวถึงปัญหาการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ว่าเมื่อกฎหมายต้องการให้ทุกคะแนนมีความหมาย พรรคเล็กๆ เขาก็มีคะแนนของเขา ก็ควรจะได้รับการพิจารณาด้วย การได้คะแนนไม่ถึงค่าเฉลี่ย ส.ส.1 คน เมื่อคำนวณไปแล้ว ค่าเฉลี่ยของพรรคใหญ่ก็เหลือ 3-4 หมื่น พรรคใหญ่ได้ พรรคเล็กก็ควรจะต้องได้ เพราะต่อให้ปัดเศษอย่างไรก็ไม่มีทางที่พรรคไหนจะได้ถึง 7 หมื่น มันเป็นหลักธรรมดาของคณิตศาสตร์ อย่าไปคิดให้มากเรื่อง เพราะที่ผ่านมาเราคิดมากก็เกิดปัญหาจนมาคิดสูตรการเมืองกันก็เกิดปัญหาขึ้นอีก จึงอยากให้คิดกันธรรมดา ทั้งนี้ ยอมรับว่าหากคิดแบบนี้พรรคประชาธิปัตย์จะได้คะแนนลดลงไม่เป็นไรก็ต้องยอมรับ
ส่วนท่าทีของพรรคประชาธิปัตย์ต่อการจัดตั้งรัฐบาลนั้น นายวิทยากล่าวว่า ส่วนตัวเท่าที่ฟังจากชาวบ้านระหว่างพรรคที่เป็นตัวแทนทักษิณ กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เขาบอกว่าเขาเอาประยุทธ์มากกว่า เรื่องนี้ในทางการเมืองไม่มีความอิสระหรือเป็นกลาง อย่างในปี 31 พรรคพลังธรรมบอกว่าตัวเองเป็นกลาง ก็เท่ากับคะแนนเป็นศูนย์ เป็นคะแนนที่พึ่งพาไม่ได้ แต่ในทฤษฎีทางการเมืองเป็นไปไม่ได้ เป็นเรื่องของพวกโลกสวย และเมื่อถามต่อว่าก่อนหน้านี้พรรคประชาธิปัตย์ประกาศจุดยืนว่าจะไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ นายวิทยากล่าวว่า เป็นการประกาศของนายอภิสิทธิ์ เวชาชีวะ หัวหน้าพรรค และฟังดูแล้วก็เหมือนว่ากรรมการบริหารพรรคไม่ได้เห็นด้วย และนายอภิสิทธิ์ก็พ้นตำแหน่งไปแล้ว ที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคจึงให้เป็นหน้าที่ของกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ก็ต้องรอดูการตัดสินใจของกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่
