xs
xsm
sm
md
lg

“มงคลกิตติ์” จวกเพื่อไทย-อนาคตใหม่ ดูถูกเสียงประชาชนกว่า 1 ล้านเสียง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ กล่าวถึงกรณีที่ที่พรรคเพื่อไทยและพรรคอนาคตใหม่ ออกมาทักท้วงว่า กกต. คิดคะแนนเสียงต่อจำนวน ส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อผิดพลาด ว่าตนขอชี้แจงและขอความเป็นธรรมให้แก่พรรคเล็กในลำดับที่ 17-81 คณะกรรมการการเลือกตั้ง และคณะกรรมการยกร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 ว่าการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562 มีพรรคการเมืองลงเลือกตั้งทั้งหมด 81 พรรคการเมือง มีพรรคที่ได้คะแนนตั้งแต่ 183-8,433,060 คะแนน จำนวน 77 พรรคการเมือง คะแนนรวมบัตรดี 35,532,610 คะแนน คะแนนรวมพรรคอันดับ 1-16 รวม 34,472,910 คะแนน คะแนนรวมพรรคอันดับ 17-77 รวม 1,059,700 คะแนน (ถ้าหารเฉลี่ย ส.ส.พึงมี จะได้จำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อ ไม่น้อยกว่า 14.91 ที่นั่ง) การคิดคำนวณตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 ตาม มาตรา 128 (7) นั้นชอบด้วยกฎหมายแล้ว ดังนั้น พรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่ พรรคอื่นๆ เองนั้นอย่าเห็นแก่ตัว อย่าพูดข้อมูลด้านเดียวทำให้เกิดความแตกแยก ทำให้ประชาชนสับสน ปลุกระดมมาให้คนไม่ชอบ กกต. ถอดถอน กกต. ทำลายความน่าเชื่อถือในการจัดการเลือกตั้ง

“ที่ถูกต้องคือพรรคที่ได้คะแนนลำดับ 17-77 เขาก็มีประชาชนเลือกมาถึง 1,059,700 คะแนน ซึ่งเป็นคะแนนบริสุทธิ์มิได้ผ่านการซื้อเสียงมา 100% นี่คือเสียงสวรรค์ อย่าดูถูกคะแนนเสียงของประชาชน ถ้าเทียบกับค่าเฉลี่ยของ ส.ส.บัญชีรายชื่อพึงได้ก็ถึง 14.91 ที่นั่ง อีกทั้งถ้าไปตรวจสอบคะแนน ส.ส.เขตที่ชนะการเลือกตั้ง พรรคใหญ่แต่ละพรรคได้คะแนนมาไม่มาก ยกตัวอย่าง เช่น จ.พิษณุโลก เขตเลือกตั้งที่ 1 นายปดิพัทธ์ สันติภาดา พรรคอนาคตใหม่ 35,412 คะแนน เขตเลือกตั้งที่ 2 นายนพพล เหลืองทองนารา พรรคเพื่อไทย 32,956 คะแนน เขตเลือกตั้งที่ 3
นายอนุชา น้อยวงศ์ พรรคพลังประชารัฐ 24,063 คะแนน ดังนั้นจากส่วนการคำนวณตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 ตาม มาตรา 128 (7) พรรคสุดท้ายที่จะได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ คือ พรรคไทยรักธรรม ได้ 33,748 คะแนน ซึ่งเป็นลำดับที่ 27 ซึ่งก็ได้คะแนนมากกว่า ส.ส.เขตจังหวัดพิษณุโลก และอีกหลายจังหวัด จากพรรคเพื่อไทย พรรคพลังประชารัฐ พรรคอนาคตใหม่เสียอีก” นายมงคลกิตติ์กล่าว


นายมงคลกิตติ์กล่าวด้วยว่า เพราะฉะนั้นหากพูดอะไร ข้อมูลต้องครบ คณะกรรมการยกร่างกฏหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 เขาคำนึงถึงคะแนนประชาชนทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกัน บางทีพรรคเล็กๆ นโยบาย อุดมการณ์น่าจะดีกว่าพรรคใหญ่บางพรรคที่ต้องฟังเสียงนายทุนที่ออกเงินใช้จ่ายในการเลือกตั้ง เพื่ออาจจะถอนทุนคืนจากงบประมาณแผ่นดินก็ได้ ตั้งใจมายกเลิกรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 ตั้งใจมาแก้ไขกฎหมายอาญา ม.112 ตั้งใจมาแก้ไขคดีให้อดีตนายกรัฐมนตรีที่หนีคดีทุจริตไปถึง 2 ราย ออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมสุดซอยให้ ซึ่งจะทำให้บ้านเมืองแตกแยก ไม่สงบสุข ประชาชนต้องการรัฐบาลแบบนั้นหรือ


“อีกทั้งพรรคที่อ้างว่าสามารถรวบรวมเสียงข้างมากจนสามารถตั้งรัฐบาลได้นั้นก็ยังไม่สามารถสร้างเสถียรภาพในการเป็นรัฐบาลได้ ดังนั้น จึงมีความพยายามเที่ยวไล่กดดันพรรคการเมืองอื่นเพื่อให้ร่วมกับฝั่งตัวเอง ดังนั้นจึงขอร้องให้ทุกพรรครอให้ถึงวันที่ 9 พฤษภาคมเสียก่อน เพราะขณะนี้ กกต.ก็ยังพิจารณาเรื่องร้องเรียนอยู่ซึ่งอาจส่งผลให้จำนวน ส.ส.เปลี่ยนไปได้” นายมงคลกิตติ์กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น