xs
xsm
sm
md
lg

"ลุงตู่"มีอำนาจนายกฯเต็มร้อยสูงข่มเพื่อไทยแคดิเดตสอบตกเรียบ !!

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เมืองไทย 360 องศา




จากการแถลงของรองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง ณัฏฐ์ เล่าสีห์สวกุล เมื่อเย็นวันที่ 25 มีนาคมที่ผ่านมาระบุว่า หลังจากที่ได้นับคะแนนเสียงไปหยุดที่ร้อยละ 94 พบว่า"มีเพียงพรรคเดียวที่ได้ ส.ส.เขตเกินกว่า ส.ส.ที่พึงมี ทำให้ไม่ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ"

แม้จะไม่ได้ระบุชื่อพรรคว่าเป็นพรรคใด แต่เมื่อพิจารณาจากจำนวนส.ส.เขตที่ปรากฏออกมาก็จะทราบดีว่าคือพรรคเพื่อไทย ถ้าเป็นแบบนั้นก็หมายความว่า แคดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยทั้งหมดไม่ได้เป็น ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ นั่นคือ ทั้งคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แคดิเดตอันดับหนึ่ง ชัยเกษม นิติสิริ แคดิเดตอันดับสาม สอบตก ขณะที่ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ แคดิเดตอันดับสอง ไม่ได้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ(อ้างว่าไม่ถนัดงานนิติบัญญัติ)

สรุปในเบื้องต้นตอนนี้ก็คือพรรคเพื่อไทยจะไม่ได้ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อแม้แต่คนเดียว มีแต่ ส.ส.ระบบเขตเท่านั้น ทำให้ระดับ"บิ๊กเนม"ทั้งหมดของพรรคหายไปจากสภาทั้งหมด

อย่างไรก็ดีอาจจะหมายเหตุเผื่อเหลือเผื่อพลาดสักเล็กน้อยว่านี่คือผลรายงานอย่างไม่เป็นทางการ ดังนั้นก็อาจพลิกเป็นอย่างอื่นได้เหมือนกัน โดยเฉพาะหากเป็นกรณีการเลือกตั้งโมฆะ

แม้ว่าในเวลานี้ทางพรรคเพื่อไทยได้ชิงประกาศเป้นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลผสมชุดใหม่แล้วก็ตาม แต่มันก็เกิดคำถามตามมาจากกรณรีการสร้าง"เงื่อนไข"ของฝ่ายที่"อ้างว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตย"ด้วยกันเองอย่าง พรรคอนาคตใหม่ ที่ก่อนหน้านี้ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคที่ยืนยันหลักการสนับสนุนนายกรัฐมนตรีที่มาจาก ส.ส.เท่านั้น จะมีเหตุผลอย่างอื่นมาอธิบายหรือไม่หากผลออกมาเป็นแบบนี้ นั่นคือหากแคดิเดตากพรรคเพื่อไม่ได้เป็น ส.ส.เพราะว่าหากพิจารณาจากตัวเลข ส.ส.แบบคร่าวๆพรรคอนาคตใหม่ถือว่าเป็นพรรค"ตัวแปรหลัก"ของขั้วการเมืองกลุ่มนี้ และล่าสุดพรรคเพื่อไทยก็ได้ประกาศอ้างเป็นพรรคที่ได้ ส.ส.มากที่สุดรวบรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลแล้ว

ขณะเดียวกันสำหรับพรรคเพื่อไทยหากผลการเลือกตั้งออกมาตามที่ รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้งระบุไว้ข้างต้นคือไม่ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อแม้แต่คนเดียวตามระบบคำนวณคะแนนแบบใหม่ ก็ย่อมส่งผลกระทบต่องานในสภาอย่างแน่นอน เพราะอย่างที่รู้กันก็คือระดับ"บิ๊กเนม"หรือคนที่วางหมาก วางกลยุทธิ์ การเคลื่อนไหวในสภาหนือแม้แต่นอกสภาหากไม่ได้เป็น ส.ส.แล้วก็ต้องถือว่า "ขาลอย"ไม่มีน้ำหนัก และที่สำคัญบรรดา"ขาใหญ่"ทั้งหลายถูกวางเรียงลำดับความสำคัญอยู่ในแบบผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อเกือบทั้งสิ้น

นั่นคือผลกระทบที่จะตามมาหากสามารถรวบรวมเสียงได้เป็นแกนนำ ซึ่งต้องมีการเจรจาหาเหตุผลกับพรรคอนาคตใหม่ที่เคยประกาศหลักการประชาธิปไตยอย่างชัดเจนว่า"นายกฯต้องมาจากส.ส.เท่านั้น"อีกด้วย แต่นาทีนี้สำหรับพรรคเพื่อไทยหากบรรดา"บิ๊กเนม"สอบตกไม่ได้เป็น ส.ส.มันก็ทำให้"รวน"ได้ไม่น้อย นี่ยังไม่ต้องพูดถึงตัวเลขจากบรรดาพรรคการเมืองอื่นที่ต้องทาบทามเข้ามาร่วมอย่างน้อยก็ต้องให้ได้ 251 เสียงขึ้นไป

อีกด้านหนึ่งในฝั่งพรรคพลังประชารัฐที่มี "ลุงตู่"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นแคดิเดตนายกรัฐมนตรี แม้ว่าจะพยายามอ้างความชอบธรรมในเรื่อง"คะแนนโหวต"มากที่สุดเพื่อรวบรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาล และสอดคล้องกับที่เคยประกาศเอาไว้ก่อนการเลือกตั้งแล้ว"ใครรวบรวมเสียงข้างมากได้ก่อน"ก็ได้ตั้งรัฐบาลก็ตาม ซึ่งในข้อเท็จจริงกฎหมายก็ไม่ได้กำหนดเอาไว้ว่าต้องเป็นพรรคอันดับหนึ่งเท่านั้น

แต่ขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาจาก"สถานะ"ทางกฎหมายในเวลานี้ก็ต้องบอกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีพลังต่อรองสูงกว่าขั้วการเมืองฝ่ายตรงข้าม หากพิจารณาตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ยัง" เป็นนายกฯที่มีอำนาจเต็ม"ไม่ใช่นายกฯรักษาการเหมือนกับที่มีการยุบสภาแล้วมีการเลือกตั้งในอดีต นั่นคือเขายังมีอำนาจนายกฯเต็มที่ไปจนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่เข้ามาทำหน้าที่ ซึ่งตามขั้นตอนปกติแล้วยังต้องใช้เวลาอีกนานนับเดือน โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องพ้นจากพระราชพิธีสำคัญไปก่อน

ส่วนหากเป็นช่วงที่ไม่ปกติอย่างที่เกิดขึ้นในเวลานี้ก็คือทั้งสองขั้วการเมืองมีคะแนนเสียงที่ก้ำกึ่งสูสี คาดว่าแต่ละฝ่ายไม่มีคะแนนเสียงสนับสนุนที่ขาด ก็ยิ่งทำให้การใช้นานกว่าปกติ เนื่องจากเชื่อว่าจะมีการต่อรองสูงมาก เพราะแทบทุกพรรคเป็น"ตัวแปร"แทบทั้งหมด อย่างไรก็ดีหากพิจารณาจาก"อำนาจเต็ม"ดังกล่าวของ "ลุงตู่"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ยิ่งได้เปรียบ เพราะหากยืดเยื้อเขาก็เป็นนายกฯไปเรื่อยๆ ไม่ต้องรีบร้อน ร้อนรน

อีกทั้งการมีอำนาจก็สามารถสร้างแรงกดดันได้โดยธรรมชาติอยู่แล้ว เพราะสามารถดึงพรรคการเมืองอื่นเข้ามาร่วมได้ง่ายกว่า ฝ่ายตรงข้าม ซึ่งนาทีนี้ยังถือว่า"ลุงตู่"อยู่ใน"จุดสูงข่ม"เหนือกว่าทุกกรณี !!


กำลังโหลดความคิดเห็น