xs
xsm
sm
md
lg

“อภิสิทธิ์” ทิ้งไพ่เสี่ยงพลีชีพเกมดิ้นหนีต่ำกว่าร้อยที่นั่ง !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เมืองไทย 360 องศา




ต้องบอกว่ายิ่งนานยิ่งเก๋าเกมมากขึ้นเรื่อยๆ สำหรับ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คนนี้ ที่สามารถชูหลักการแบบหล่อๆ เท่ๆ ได้ตลอดเวลา ที่ล่าสุดมีทั้งร่อนจดหมาย ปล่อยคลิป จนถึงตั้งโต๊ะตอบคำถาม 5 ข้อข้องใจตามมาอีก เรียกว่าปล่อยออกมากันแบบเต็มแม็กซ์ในช่วงเวลาสำคัญ

สำหรับการตอบคำถาม 5 ข้อดังกล่าวของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โดยสรุป มีดังนี้ 1. พูดในฐานะหัวหน้าพรรคและต้องเป็นมติพรรคในภายหลัง 2. ต้องการสร้างความชัดเจนก่อนการเลือกตั้ง 3. การเลือกตั้งครั้งนี้มี 3 ทางเลือก คือ ฝ่ายประชาธิปัตย์ ฝ่ายทักษิณ ชินวัตร และฝ่าย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา 4. พรรคประชาธิปัตย์ยืนยันเป็นพรรคแกนนำตั้งรัฐบาลไม่ใช่พรรคร่วมรัฐบาล และไม่ร่วมกับพรรคที่โกงและสืบทอดอำนาจ พร้อมมั่นใจว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะเป็นศูนย์รวมของความขัดแย้งหลังการเลือกตั้ง

“หากพรรคพลังประชารัฐจะเข้าร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์จัดตั้งรัฐบาล ต้องไม่มีการสืบทอดอำนาจทั้ง ตัวบุคคล คือ พล.อ.ประยุทธ์ และมรดกที่ขัดกับหลักประชาธิปไตย คือ คำสั่งและประกาศของ คสช. ที่ขัดกับหลักประชาธิปไตยและนโยบายของพรรค แนวทางการบริหารประเทศนั้นถ้ามีการรวมศูนย์อำนาจ หรือไม่เคารพสิทธิเสรีภาพของประชาชน ตามหลักประชาธิปไตย พรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องเข้าไปแก้ไขสิ่งเหล่านี้เช่นกัน”

ตบท้ายด้วยคำพูดของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ยืนยันหลักการแบบเท่ๆ อีกทีว่า นอกจากไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เนื่องจากเห็นว่าเป็นการสืบทอดอำนาจ และยังย้ำว่า หากได้เป็นรัฐบาลจะแก้ไขคำสั่งและประกาศ คสช.บางฉบับที่เห็นว่าขัดกับหลักประชาธิปไตย

จากท่าทีล่าสุดของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่สรุปได้อีกชั้นหนึ่งก็คือไม่ร่วมกับพรรคโกง ซึ่งไม่ระบุชัดว่าเป็นพรรคไหน และสองที่ชัดเจนก็คือ ไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ และ สาม จะเป็นแกนนำตั้งรัฐบาล ไม่เป็นพรรคร่วมรัฐบาล และพร้อมเป็นฝ่ายค้าน

แน่นอนว่า ท่าทีแบบนี้ ออกมาในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ นั่นคือในช่วงเวลาหาเสียงเลือกตั้งไม่ถึงสองสัปดาห์แล้ว ในทางการเมืองแล้วมันก็เหมือนกับการ “ทิ้งไพ่ใบสุดท้าย” แบบเสี่ยงวัดดวงกันไปเลย เพราะเมื่อพิจารณาจากท่าทีและคำพูด มันมีเจตนาที่จะแย่งคะแนนเสียงจากพวกที่ “ไม่เอาทหาร ไม่เอาลุงตู่” ไปแทรกอยู่ในกลุ่มที่ยึดในหลักการประชาธิปไตย ซึ่งแม้ว่าในข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไรก็ตาม แต่ในกลุ่มนี้จะมีพรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่ รวมไปถึงพวก “ตระกูลเพื่อ” ทั้งหลายที่จับจองความเป็นประชาธิปไตยเอาไว้ก่อน

ขณะเดียวกัน หากพิจารณาจากท่าทีของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ต้องเกิดขึ้นในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ มันก็ประจวบเหมาะกับผลสำรวจของหลายสำนักที่ออกมาตรงกันว่าความนิยมของเขาและพรรคประชาธิปัตย์ตามหลังมาห่างๆ ในลำดับที่สาม หรือที่สี่ แม้ว่าความนิยมจะเพิ่มขึ้นในระยะหลัง แต่ก็มีอัตราเพิ่มขึ้นในอัตราที่ไม่สูงนัก เมื่อเทียบกับพรรคอันดับหนึ่งอันดับสอง

นอกเหนือจากนี้ ย้อนคำพูดของเขาก่อนหน้านี้ตั้งแต่เริ่มเป่านกหวีดรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งก็เคยยืนยันหนักแน่นแล้วว่า “หากผลการเลือกตั้งออกมาแล้วพรรคประชาธิปัตย์ได้ ส.ส.ต่ำกว่าร้อยคนก็จะลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคทันที (แต่ไม่บอกว่าหากสมาชิกพรรคโหวตให้กลับมาอีกจะรับตำแหน่งต่ออีกหรือไม่)”

ดังนั้น หากพิจารณากันแบบครบวงจรต่อเนื่อง ก็พอมองเห็นความจำเป็นของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ต้องทิ้งไพ่ใบสุดท้ายเพื่อหวังแย่งคะแนนเสียงจากพรรคเพื่อไทย และพรรคแนวร่วม รวมไปถึงพวกที่ไม่เอา “บิ๊กตู่” ขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่งมันก็เหมือนกับการกระตุ้นให้ “ต้องเลือกข้าง” ให้รีบตัดสินใจว่าจะเลือกยืนอยู่ข้างใคร ซึ่งก็ไม่เว้นแม้แต่คะแนนเสียงที่เคยทับซ้อนกันอยู่ระหว่างฐานเสียงเดิมที่เคยหนุนพรรคประชาธิปัตย์และสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้แยกออกจากกัน

ขณะเดียวกัน เมื่อมองไปถึงผลต่อเนื่องอีกความหมายหนึ่ง มันเหมือนกับการทิ้งไพ่ที่ลุ้นคะแนนเสียงให้กับพรรคประชาธิปัตย์ในช่วงโค้งสุดท้ายให้ได้ ส.ส. “เกินร้อย” เพื่อไม่ให้ตัวเองต้องตัดสินใจกับ “เดิมพัน” ที่เคยประกาศเอาไว้ ซึ่งก็ต้องรอดูกันว่ามันจะได้ผลไปทางไหน แต่รับรองว่ามีหลายคนได้ตัดสินใจ “เลือกข้าง” ไปแล้วตั้งแต่วินาที อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ประกาศจุดยืนที่ว่านี้ออกมา!!


กำลังโหลดความคิดเห็น