“วิษณุ” ยัน “บิ๊กตู่” ปราศรัยได้ เทียบยุบสภา ไฟเขียวหาเสียงป้องสถาบันฯ แต่อย่าป้ายสี

รองนายกฯ ย้ำ “ประยุทธ์” ขึ้นปราศรัยได้ ยกบรรทัดฐานอดีตนายกฯ ยุบสภาหาเสียง แต่ต้องระมัดระวัง ทายสุดอยู่ที่เจ้าตัว แจงชูนโยบายปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ได้ แต่อย่าป้ายสีพรรคอื่น

วันนี้ (6 มี.ค.) เมื่อเวลา 12.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ยกเลิกขึ้นเวทีปราศรัยของพรรค พปชร.เพื่อหลีกเลี่ยงข้อครหา และป้องกันกระทำผิดกฎหมายว่า ส่วนตัวไม่ทราบ เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้มาปรึกษาตน และแนวทางการปฏิบัติของ พล.อ.ประยุทธ์นั้น คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ตอบเป็นที่ชัดเจนแล้วว่าสามารถช่วยหาเสียงได้ แต่ต้องระมัดระวังในมาตรา 78 ของ พ.ร.ป.เลือกตั้ง ส.ส.ที่เจ้าหน้าที่ของรัฐต้องไม่ใช้ตำแหน่งและอำนาจหน้าที่โดยมิชอบ หาก พล.อ.ประยุทธ์ขึ้นปราศรัยโดยพูดอยู่ในหลักเกณฑ์ไม่สุ่มเสี่ยงก็จะไม่มีปัญหา อย่างไรก็ตาม แม้ไม่ได้ขึ้นเวทีปราศรัย พล.อ.ประยุทธ์ยังสามารถเดินทางไปพบปะประชาชนในฐานะแคนดิเดตนายกฯของพรรค พปชร.ได้ ถือว่าไปในนามพรรคการเมือง ไม่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งนายกฯ และต้องไม่ใช้ตำแหน่งหน้าที่ให้คุณให้โทษต่อพรรคการเมือง

“ปกติทำได้เช่นนี้ ไม่ได้ลำบากอะไร โดยลองใช้เกณฑ์มาตรฐานสมัยก่อนในสมัยนายชวน หลีกภัย นายบรรหาร ศิลปอาชา นายทักษิณ ชินวัตร นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อประกาศยุบสภาแล้วทำอย่างไร ซึ่งเมื่อยุบแล้วจะลงไปหาเสียง มีการเดินสายขึ้นเวที เพราะมาตรา 78 ของ พ.ร.ป.เลือกตั้ง ส.ส.เขียนมาเป็นสิบๆ ปีแล้ว ทำได้โดยไม่เป็นปัญหาอะไร แม้อดีตนายกฯ เหล่านั้นจะเป็นผู้สมัคร ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ใช่ทั้งสมาชิกและผู้สมัคร ส.ส. แต่ กกต.ได้ผ่อนปรนและชี้แนะวิธีแล้วว่าสามารถทำได้ในลักษณะเดียวกันในบางเรื่อง” นายวิษณุกล่าว
และว่าส่วนตัวไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย จึงไม่ขอแสดงความเห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ควรจะเลิกลงไปช่วยหาเสียงหรือไม่ วันนี้มีการใช้วาทกรรมทางการเมืองหลากหลาย เช่น ก่อนหน้านี้มีการกวักมือเรียก พล.อ.ประยุทธ์ขึ้นเวทีดีเบต จนเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ไปดีเบต แต่จะขึ้นเวทีปราศรัย กลับมาบอกว่าสุ่มเสี่ยงขัดต่อกฎหมาย สุดท้ายจะตัดสินใจอย่างไรอยู่ที่ พล.อ.ประยุทธ์

นายวิษณุยังกล่าวถึงกรณีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ชูประเด็นปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ในการปราศรัยหาเสียง ว่าพรรคการเมืองสามารถชูประเด็นเรื่องความจงรักภักดีและสิ่งที่จะปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ได้ เพราะเหล่านี้ล้วนเป็นความรู้สึกที่อยู่ในใจของทุกคนอยู่แล้ว และเป็นนโยบายหลักของทุกพรรคการเมืองอยู่แล้ว แต่ถ้าไปบอกว่าพรรคการเมืองอื่นจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ ตรงนี้เข้าข่ายและสุ่มเสี่ยงขัดกฎหมายเลือกตั้ง แต่ส่วนตัวไม่ทราบว่าพรรค รปช.ได้ปราศรัยอย่างไรบ้าง แต่เชื่อว่าทุกอย่างคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้จับตาดูอยู่แล้ว