นายกฯ คาดภัยแล้งมาเร็วสั่งรับมือ ของดทำนาปรัง ขู่กักตุนสินค้าโทษหนัก

"ประยุทธ์" กำชับทุกหน่วยรับมือฃสถานการณ์ภัยแล้ง คาดมาเร็วกว่าทุกครั้ง ชี้ต้นเหตุปริมาณต้นทุนเก็บไว้ไม่เพียงพอ วอนเกษตรกรงดทำนาปรัง เล็งสร้างประตูน้ำแก้ลำน้ำยมแห้ง ขู่เอกชนกักตุนสินค้าโทษหนัก

วันนี้ (5มี.ค.) เมื่อเวลา 13.20 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) กล่าวถึงสถานการณ์ภัยแล้งว่า รัฐบาลได้กำชับเรื่องนี้อยู่แล้ว ติดตามสถานการณ์น้ำจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง วันนี้ได้ให้ทุกกระทรวงและส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งสำนักงานบริหารจัดการน้ำที่บริหารจัดการน้ำให้เกิดความเหมาะสม แต่ปัญหาของเราขณะนี้คือ ปริมาณน้ำต้นทุนที่เก็บไว้ไม่เพียงพอ อย่างลำน้ำยมที่ขณะนี้น้ำแห้งแล้ว เนื่องจากมีการทำนาปรังเพิ่มมากขึ้น เพราะราคาข้าวที่สูงขึ้นส่งผลกระทบต่อการใช้น้ำ ขอให้ฟังคำชี้แจงจากทางราชการและขอให้เกษตรกรปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อยได้หรือไม่ ซึ่งรัฐบาลเคยบอกไว้แล้วไม่สนับสนุนให้ทำนาปรังในฤดูนี้ อยากให้ไปหาคำแนะนำจากเกษตรกรจังหวัด เกษตรกรอำเภอ ถ้าปลูกไปแล้วก็ต้องประกันภัยความเสียหาย ต้องออกเงินบ้างเล็กน้อย ซึ่งรัฐบาลก็ช่วยตรงนี้อยู่แล้ว รวมถึงการปรับเปลี่ยนการปลูกพืช ซึ่งรัฐบาลก็ส่งเสริมทุกตลาด ไม่ใช่ส่งเสริมไปปลูกแต่ไม่มีตลาดรองรับ

นายกฯกล่าวว่า รัฐบาลเองพยายามแก้ปัญหาเหล่านี้ให้ได้โดยเร็ว ซึ่งคาดว่าภัยแล้งจะมาเร็วกว่าทุกครั้ง เราก็ได้เตรียมความพร้อมทั้งการประกันภัย มาตรการช่วยเหลือ ซึ่งเราจำเป็นต้องลดค่าใช้จ่ายพวกนี้ลงไปให้ได้ เพื่อที่จะเอาเงินที่ไปเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบไปใช้ในส่วนอื่นแทน 4-5 ปีที่ผ่านมา งบประมาณการช่วยเหลือภัยแล้งลดลงไปมากเหลือแค่พันล้านบาท จากเป็นหมื่นล้านบาท นี้คือการบริหารจัดการน้ำที่รัฐบาลดำเนินการมาโดยตลอด อย่างลำน้ำยมที่เกิดน้ำแห้งแล้ว อาจมีการสร้างประตูน้ำ ศึกษาขยับแนวต่างๆ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไปสร้างเขื่อน แต่เป็นการหาทางกักเก็บน้ำให้ได้ เรื่องนี้ต้องฟังเสียงประชาชน

นายกฯกล่าวว่า ส่วนการแก้ปัญหาการลักลอบนำผลิตผลจากชายแดน ได้จับกุมได้จำนวนมาก ก็ขอเตือนภาคเอกชนที่มีการกักตุนสินค้า ลักลอบเข้ามา ตรวจสอบพบจะลงโทษสถานหนัก