เมืองไทย 360 องศา
เวลานี้กำลังรอลุ้นกันว่าในที่สุดแล้วทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะมีมติให้ความเห็นเป็นคำตอบอย่างไรกับคำถามของพรรคพลังประชารัฐ ที่ถามว่า “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สามารถขึ้นเวทีประชันวิสัยทัศน์ (ดีเบต) ในฐานะผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีในนามพรรคได้หรือไม่ รวมไปถึงสามารถร่วมเวทีหาเสียงของพรรค หรือเดินหาเสียงได้หรือไม่ ตามที่พรรคพลังประชารัฐบอกว่าได้ทำหนังสือสอบถามไปแล้ว
แต่เมื่อฟังแนวทางคร่าวๆ จากทั้งประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง นายอิทธิพร บุญประคอง รวมทั้ง นายแสวง บุญมี รองเลขาธิการการเลือกตั้ง ที่ได้กล่าวสอดคล้องกันว่าทำได้ หากบุคคลนั้นได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งค่อนข้างมั่นใจว่า สำหรับเวทีดีเบตที่จัดโดยคณะกรรมการการเลือกตั้งนั้นน่าจะทำได้ ส่วนกรณีที่ว่าจะขึ้นเวทีของพรรคขึ้นหาเสียง รวมไปถึงเดินหาเสียงช่วยผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐนั้น ทางประธาน กกต.บอกว่า ต้องขอหารือในที่ประชุมอย่างเป็นทางการก่อน
ขณะเดียวกัน ในประเด็นข้อห้ามที่เกี่ยวกับการเป็น “เจ้าหน้าที่ของรัฐ” โดยเฉพาะการที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดำรงตำแหน่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติอีกตำแหน่งหนึ่งนั้น ก็ได้รับคำยืนยันจาก “กุนซือกฎหมาย” อย่าง วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ว่า ไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐตามนิยามมาตรา 98 ของรัฐธรรมนูญ โดยอ้างถึงคำวินิจฉัยของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่เคยชี้ชัดเมื่อปี 2557 ว่า คสช.ไม่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ มีสถานะเป็นองค์กรหนึ่งที่ตั้งขึ้นชั่วคราวตามรัฐธรรมนูญ
สำหรับความเห็นเกี่ยวกับการขึ้นเวทีดีเบตนั่น วิษณุ เครืองาม ยังไม่ชี้ชัดเพียงแต่เตือนให้ระวังการพูดจา เพราะด้วยสถานะที่มั่นคาบเกี่ยวหลายตำแหน่งทำให้หมิ่นเหม่และเสี่ยงต่อการทำผิดกฎหมาย แต่ถึงอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับว่า “คนพูดนั้นพูดเป็นหรือไม่”
ดังนั้น หากสรุปในเบื้องต้นเวลานี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา น่าจะขึ้นเวทีประชันวิสัยทัศน์ได้ โดยเฉพาะเวทีที่จัดโดย กกต.และประเด็นที่สอง ไม่ขัด รธน.มาตรา 98 ในส่วนที่เกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ของรัฐสำหรับตำแหน่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ อย่างไรก็ดี ทีนี้ก็มีปัญหาน่าจะมีอยู่อย่างเดียวก็คือหากขึ้นเวทีได้แล้ว เขาจะขึ้นเวทีหรือเปล่า เท่านั้นเอง
แน่นอนว่า สำหรับบรรดาแกนนำจากพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้าม อาจฟันธงว่า “บิ๊กตู่” ไม่กล้าไปแน่ จึงได้ออกโรงท้าทาย สร้างกระแสด่าฟรี ยกเอาเรื่องเผด็จการประชาธิปไตย การพูดข้างนอกอยู่ฝ่ายเดียวเป็นการ “เอาเปรียบ” อะไรประมาณนี้ แต่เมื่อพิจารณาจากแนวโน้มแล้ว แม้ว่านาทีนี้ยังคาดเดายากว่าเขาจะคิดอย่างไร จะเอาหรือไม่เอา เพราะมีความเป็นไปได้ทั้งสองด้านเท่าๆ กัน
แต่หากพิจารณาจากท่าทีล่าสุดเหมือนกับทำให้คิดว่ามีความโน้มเอียงไปทาง “ขึ้นเวทีประชัน” มากกว่า หลังจากเมื่อวานนี้ (25 กุมภาพันธ์) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ใช้เวลาหารือเป็นการส่วนตัวกับ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ หลังการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนที่ทำเนียบฯนานเกือบ 20 นาที โดยไม่ยอมตอบคำถามของสื่อมวลชนที่สอบถามถึงเรื่องการดีเบต เพียงแต่ทำสัญลักษณ์ชูมือไอเลิฟยู อย่างอารมณ์ดี
ซึ่งสาเหตุที่ต้องโฟกัสไปที่ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ด้วย เนื่องจากเขาเป็นบุคคลที่ถูกมองว่ามีความใกล้ชิดกับบรรดาแกนนำพรรคพลังประชารัฐ
อย่างน้อยสิ่งที่เห็นก็คือ “ยังไม่มีการปฏิเสธ” ออกมาจากปากของ พล.อ.ประยุทธ์ ยังเป็นการ “อุบไต๋” ให้เดาทางยาก ยังพอมีเวลาในการเผยไต๋ดังกล่าวออกมาให้เห็นในตอนสำคัญ เมื่อเห็นว่าได้จังหวะเหมาะสมก็ได้ ขณะเดียวกัน สำหรับเขาแล้วถือว่าชอบทำอะไรเหนือความคาดหมาย ที่เห็นชัดๆ ก็คือการยอมให้พรรคพลังประชารัฐ เสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี จนสามารถกลบกระแสการสร้างเงื่อนไข “นายกฯคนนอก” ลงไปอย่างรวดเร็ว
เนื่องจากตอนนั้นหลายฝ่ายคาดการณ์ว่า หาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา “จะไปต่อ” น่าจะเข้ามาทางนายกฯคนนอกตามรัฐธรรมนูญที่เปิดช่องเอาไว้ให้แล้ว และมีเสียง ส.ว.สนับสนุน แต่ในที่สุดเขาก็เลือกเส้นทาง “คนใน” จนผิดความคาดหมาย ซึ่งก็น่าคล้ายกับในเวลานี้ที่คิดว่า เขาคงไม่กล้าขึ้นเวทีดีเบต เพราะจะเปลืองตัว ถูกรุมถล่มจากทุกพรรค แต่อีกด้านหนึ่งมันก็อาจตรงกันข้ามว่า เมื่อถึงเวลาเขาอาจเข้าร่วมวงก็ได้ หาก กกต.บอกว่าทำได้
เพราะถึงตอนนั้นหาก พล.อ.ประยุทธ์ เข้าร่วมดีเบต บรรดาพรรคการเมือง อาจจะ “หนาว” ก็ได้ เพราะเรื่องการพูด ลีลาพิจารณาจากที่เห็นเขาก็ไม่ได้รองใคร และที่สำคัญ สำหรับเวทีของ กกต.ย่อมต้องมีกติกาควบคุมเข้มงวด คงไม่ปล่อยให้ใครเล่นตุกติกเป็นแน่
ดังนั้น สิ่งที่ต้องรอในเวลานี้ รอว่าคณะกรรมการการเลือกตั้งจะมีความเห็นอย่างเป็นทางการออกมาว่าอย่างไรเท่านั้นเอง หากบอกว่าได้รับรองว่าอาจ “หนาว” กันหลายคนก็ได้ เพราะที่ผ่านมาคนอย่าง “บิ๊กตู่” ทำหลายอย่างเหนือความคาดหมายมาแล้ว!!