ปชป.ออกโรงค้านร่าง พ.ร.บ.ข้าว ห่วงมาตรา 20 เปิดช่องนายทุนกินรวบสายพันธุ์ข้าวในประเทศ ไม่ได้ปลดแอก แต่เพิ่มโซ่ตรวนให้ชาวนา ลั่นเป็นรัฐบาลรื้อแน่นอน
วันนี้ (18 ก.พ.) เมื่อเวลา 15.20 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายศุภชัย ศรีหล้า กรรมการนโยบายของพรรค แถลงภายหลังจากได้เชิญนายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ผู้เสนอร่าง พ.ร.บ.ข้าว พ.ศ. ... เข้าชี้แจงเนื้อหาสาระของร่างกฎหมายดังกล่าวต่อคณะกรรมการนโยบายของพรรค ว่าทางพรรคกังวลใจเพราะในร่างไม่ปรากฏว่ามีเนื้อหาสาระใดบ่งบอกว่าจะก่อประโยชน์ให้ชาวนา โดยเฉพาะการทำสหกรณ์ชาวนามีความเข้มแข็งมากขึ้น สมาร์ทฟาร์มเมอร์ และจะสร้างเกษตรกรรุ่นใหม่ได้อย่างไร รวมถึงการแก้ปัญหาหนี้สินของชาวนา แต่กลับสร้างปัญหาให้แก่ชาวนา
นายศุภชัยกล่าวว่า ที่สำคัญในมาตรา 20 เขียนว่า เพื่อประโยชน์ในการจัดทำข้อมูลข้าวเปลือก รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจสอบติดตามและเฝ้าระวังการซื้อขายข้าวเปลือกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ให้ผู้รับซื้อออกใบรับซื้อทุกครั้งเพื่อเป็นหลักฐานในการรับซื้อ และส่งสำเนาการรับซื้อไปให้กรมการข้าวโดยมุ่งเน้นการใช้วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ แปลว่านับจากนี้ไปหากชาวนาไปขายที่โรงสีต้องมีการออกใบรับซื้อและแจ้งไปยังกรมการข้าว ประเด็นสำคัญ คือ เมื่อมีการแจ้งแปลว่าโรงสีต้องออกใบรับว่าซื้อข้าวชนิดไหน จากใคร แปลงใด เท่ากับว่าพันธุ์ข้าวนั้นต้องผ่านการอนุมัติจากกรมการข้าวเท่านั้นจึงจะสามารถซื้อขายได้ ชาวนาสามารถเก็บพันธุ์ข้าวไว้ใช้เองได้ แต่ปลายทางอยู่ที่โรงสีที่จะซื้อข้าวเฉพาะพันธุ์ที่ต้องการเท่านั้น ทำให้ระบบการค้าข้าวจถูกควบคุมตั้งแต่เมล็ดพันธุ์ข้าวเป็นต้นไป นั่นก็คือกลุ่มนักธุรกิจที่ควบคุมเมล็ดพันธุ์ที่เป็นปัจจัยสำคัญของการผลิต เท่ากับว่าควบคุมระบบพันธุ์ข้าวของประเทศโดยรวม
“ประเด็นนี้เราท้วงติงไปนายกิติศักดิ์ไม่ชี้แจงได้ว่าถ้าโรงสีรับซื้อเฉพาะพันธุ์ที่ต้องการ และตรงกับที่บางกลุ่มจำหน่ายที่อาจจะเป็นกลุ่มทุนใหญ่เพียงไม่กี่กลุ่ม ก็จะถูกควบคุมแต่ต้นจนถึงปลาย คุณทำไปเถอะ ถ้าโรงสีไม่ซื้อก็จบ น่าเป็นห่วงมาก ผมเคยเจอชาวนาที่เก็บข้าวไว้เองมีถึง 101 สายพันธุ์ และกว่าได้พันธุ์ข้าวกว่าจะต้องปลูกและเก็บพันธุ์ถึง 4 ปี จึงจะได้พันธุ์ข้าวที่ดี ยุ่งยากมาก แต่ถ้าเมื่อใดออก พ.ร.บ.ฉบับนี้มา คนที่จะรับรองว่าเป็นพันธุ์ข้าวที่ได้รับการรับรองหรือไม่ คือ ราชการ แต่ชาวนาเข้าไม่ถึง” นายศุภชัยกล่าว
นายศุภชัยกล่าวอีกว่า ดังนั้น พรรคประชาธิปัตย์ไม่อยากเห็น สนช.รับร่างนี้ไปพิจารณาในวาระที่ 2 และ 3 และขอให้หยุดเรื่องนี้ และรอให้มีสภาที่มาจากการเลือกตั้งให้เป็นคนพิจารณาว่าถ้าใช้แล้วจะมีผลกระทบโดยรวมอย่างไร แต่หาก สนช.ยังดันทุลังให้ผ่านประกาศใช้ หากทางพรรคได้กลับมาเป็นรัฐบาลจะต้องมีการรื้อกฎหมายฉบันนี้อย่างแน่นอน เพราะมันไม่ใช่แค่ไม่ปลดแอกชาวนา แต่ยังเป็นเพิ่มโซ่ตรวนให้ชาวนาอีกด้วย