xs
xsm
sm
md
lg

นายกฯ โยนอำนาจ กก.ไม่แบน “พาราควอต” ไม่รู้กลุ่มทุนชักใยหนุน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


“ประยุทธ์” ชี้เป็นอำนาจ กก.กำหนดไม่แบน “พาราควอต” ยันปัญหาสารเคมีอันตรายต้อง “ลด-ละ-เลิก” ในเวลาเร็วที่สุด ไม่รู้มีกลุ่มทุนอยู่เบื้องหลัง หนุนเดินหน้าสู่เกษตรอินทรีย์

วันนี้ (18 ก.พ.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุม ครม. ถึงกรณีที่คณะกรรมการวัตถุอันตรายมีมติยังไม่แบนสารเคมีอันตรายพาราควอตว่า รัฐบาลก็มุ่งหวังจะให้มีการยกเลิกการใช้ในอนาคต แต่ก็ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการฯ จะเป็นผู้กำหนดออกมา แต่วิธีการที่ผมกำชับไปก็คือ ขอให้ตอบคำถามทุกคนทุกฝ่ายให้ได้ เพราะเรื่องนี้เป็นสิทธิของคณะกรรมการฯ เป็นผู้กำหนด ในส่วนของรัฐบาลก็ต้องเดินหน้าตามแผนอย่างนี้ เพื่อไปสู่การลด ละ เลิกให้ได้ภายในระยะเวลาที่เร็วที่สุด วันนี้ก็ชอบพูดกันมากกลุ่มทุนสารเคมี ก็ไม่รู้ว่าใคร กลุ่มทุนที่บอกมานั้นเป็นใคร ถามว่ามีบทบาทกำหนดทิศทางสารเคมีของไทย ก็ไปดูให้ดีแล้วกัน คิดว่าบางทีก็เป็นการมองหาวิธีการพูดให้เสียหาย

“ถ้าเรายังสร้างความเสียหาย ไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกันต่อไปในวันนี้ วันหน้าหลายสิ่งก็เกิดไม่ได้ ก็ได้พยายามทำหลายอย่างให้เกิดการยอมรับ ให้เกิดความเชื่อมั่น การแก้ปัญหาเรื่องทุจริตคอร์รัปชัน ผมก็พูดไปหลายครั้ง รัฐบาลนี้มีการลงโทษมากมาย มูลค่าหลายหมื่นหลายแสนล้านบาทก็ยังไม่สนใจกัน ทุกอย่างก็เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เข้ามาเสนอ เข้ามามีส่วนร่วมในทางที่เป็นไปได้ ถ้าทุกคนไม่ช่วยกันเลยแล้วจะแก้ไขได้อย่างไร ผมเองก็ติดตามทุกวันในการแก้ปัญหา” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า ในเรื่องการทำเกษตรก็เช่นกัน ตนอย่างอธิบายว่าเกษตรเรามีอยู่ 3 ประเภท คือ 1. เกษตรดั้งเดิม 2. การเกษตรที่ใช้สารเคมี ซึ่งการใช้สารเคมีอะไรต่างๆ ก็ลดลงไปเรื่อยๆ เพราะมุ่งไปสู่การทำเกษตรจีเอพี คือ เกษตรที่มีการควบคุมการใช้สารเคมีอยู่ในมาตรฐานที่กำหนด มีการตรวจสอบ มีการขึ้นทะเบียน วันนี้ก็เพิ่มมากขึ้นหลายล้านไร่ และ 3. คือการเกษตรอินทรีย์ ก็มีเพิ่มขึ้นอีกหลายล้านไร่อีกเหมือนกัน เราต้องแยกเป้าหมายให้ออก เราต้องผลักดันเกษตรดั้งเดิมไปสู่เกษตรจีเอพี แล้วไปสู่อินทรีย์ ไปดูตัวเลขเหล่านี้มีมากมาย อย่ามาบ่นว่าเราไม่ดูแล เพราะที่ผ่านมาใช้งบประมาณไปมากมายมหาศาลก็ลงไปดูแลทั้งหมดทุกภาคส่วน การสร้างความเข้มแข็งด้วย ให้ความรู้ อบรม พัฒนา รวมไปถึงมาตรการช่วยเหลือเมื่อมีความเดือดร้อน การประกันข้าว ประกันข้างโพด ประกันอะไรต่างๆ ก็ใช้เงินไปมหาศาล หลายแสนล้านบาทของเกษตรกรและอื่นๆ อีกด้วย ทั้งการศึกษา การสาธารณสุข ถ้าท่านบอกว่าเอาตรงนั้นมาใส่ตรงนี้ แล้วตรงโน้นลดลงไปเลย ถามว่าความสมดุลของประเทศมันจะเกิดไหม ฝากไปคิดตรงนี้เป็นการบ้านแล้วกัน ช่วยกันคิดนะจ๊ะ”


กำลังโหลดความคิดเห็น