“เรืองไกร” ร้อง กกต.ยุบ พปชร. อ้าง 3 ประเด็นที่ยื่นมีน้ำหนักยุบพรรค มากกว่าที่ยื่นยุบ ทษช. ระบุ กกต.ทำข้ามขั้นตอน เนื่องากศาลรัฐธรรมนูญเคยมีคำวินิจฉัยยกคำร้องมาแล้ว
วันนี้ (18 ก.พ.) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) เข้ายื่นคำร้องต่อ กกต.ขอให้ กกต.ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อมีคำสั่งยุบพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จาก 3 ประเด็นที่ตนได้ยื่นมาก่อนหน้านี้ โดย กกต.ต้องใช้มาตรฐานเดียวกันกับที่ยื่นยุบพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.)
นายเรืองไกรกล่าวว่า ตนได้เห็นคำร้องยุบพรรค ทษช. ที่ กกต.ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญแล้วอ้างเหตุย้อนแย้งกันเอง โดย กกต.อ้างเพียงว่า กกต.ไม่รับพิจารณาแคนดิเดตนายกฯของพรรค ทษช. แต่กลับอ้างว่ามีการกระทำเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองฯแล้วใช้กฎหมาย พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองมาตรา 92 ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรค และขณะเดียวกันกลับใช้มาตรา 14 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง รับรอง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อของพรรค แต่เรื่องที่ตนให้สอบ พปชร.3 เรื่องล้วนแล้วแต่เป็นความผิดที่เข้าข่ายยุบพรรคชัดเจนยิ่งกว่า
โดยกรณี พล.อ.ประยุทธ์เป็นหัวหน้า คสช. เข้าข่ายเจ้าหน้าที่ของรัฐ แต่ พปชร.กลับเสนอชื่อให้เป็นแคนดิเดตของพรรคเท่ากับกระทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครอง ส่วนนายอุตตมเป็นหัวหน้าพรรคก่อนเป็นสมาชิก ถือว่าเป็นบุคคลภายนอกตามมาตรา28 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองที่เข้าข่ายครอบงำพรรค ผิดมาตรา 92 วรรคหนึ่ง เป็นเหตุให้ถูกยุบพรรค ขณะที่กรณีโต๊ะจีนถือว่าเข้าข่ายเป็นการแสวงหาผลกำไรมาแบ่งปันกัน เข้าข่ายขัดหลักการจัดตั้งพรรคการเมือง มาตรา 20 (2) ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ซึ่งเป็นเหตุให้ต้องยุบพรรคตามมาตรา 92 (3) เช่นกัน
“ผมเห็นคำร้องยุบพรรค ทษช.แล้วไม่ห่วงความเป็นบัญชีรายชื่อของตัวเอง และไม่ห่วงว่าพรรคจะถูกยุบโดยเห็นขั้นตอนการเสนอเรื่องของ กกต.แล้วไม่มีการสืบสวน หรือให้นายทะเบียนพรรคการเมืองรวบรวมพยานหลักฐานเสนอความเห็นให้ กกต.ลงมติ เมื่อเป็นการข้ามขั้นตอน ผมจึงไปศึกษาคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ คดียุบพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งศาลยกเรื่องขั้นตอนที่นายทะเบียนพรรคการเมืองไม่มีการรวบรวมพยานหลักฐานมาเป็นสาระสำคัญในการยกคำร้องมาแล้ว แต่ในคำร้องของผมในวันนี้ ขอให้ กกต.อย่าทำข้ามขั้นตอน เพราะต้องการให้การเสนอยุบพรรค พปชร.เกิดความสมบูรณ์”
