"สนธิรัตน์" นำทีม "พปชร." เปิดเวทีปราศรัยใหญ่บ้านเกิด อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี คนแห่ฟังนโยบายเรือนหมื่น เผยคุณแม่วัย 89 ปีขอมาให้กำลังใจด้วย ลั่นหากพรรคได้โอกาสจากพี่น้อง ปชช. จะพัฒนาเมืองกาญจน์ ยกระดับเป็นแผ่นดินทอง นำประเทศก้าวข้ามขัดแย้ง มุ่งมั่นพัฒนาชาติ โอ่ “ลุงตู่” ผู้นำที่เหมาะสมที่สุด
วันนี้ (15 ก.พ.) ตั้งแต่เวลา 17.00 น. ที่เวทีปราศรัยชั่วคราวใน อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี แกนนำพรรคพลังประชารัฐ (พปชร. ) นำโดย นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ นายอนุชา นาคาศัย นายอิทธิพล คุณปลื้ม กรรมการบริหารพรรค นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล โฆษกพรรค พร้อมด้วยผู้สมัคร ส.ส. จ.กาญจนบุรี ทั้ง 5 เขต ได้ร่วมกันจัดการปราศรัยใหญ่ โดยมีประชาชนมาฟังการปราศรัยกว่าหมื่นคน ขณะเดียวกัน นางนิภา รุ่งโรจน์สนิท มารดาของนายสนธิรัตน์และญาติพี่น้อง ซึ่งเป็นชาว อ.ท่าม่วง ได้มาร่วมฟังการปราศรัยและให้กำลังใจนายสนธิรัตน์ในเวทีนี้ด้วย
โดย นายสนธิรัตน์ ปราศรัยตอนหนึ่งว่า วันนี้ตนภูมิใจเพราะพรรคเลือกเปิดปราศรัยใหญ่ครั้งแรกหลังการรับสมัคร ส.ส.ที่บ้านเกิดของตน วันนี้อบอุ่นเพราะปราศรัยท่ามกลางพ่อแม่พี่น้องชาว จ.กาญจนบุรี และยังมีคุณแม่ซึ่งอายุ 89 ปีแล้ว ขอมาฟังปราศรัยในวันนี้ด้วย
นายสนธิรัตน์ กล่าวต่อว่า 10 กว่าปีที่ผ่านมา บ้านเมืองไม่สงบสุข มีการใช้วาทกรรมอ้างประชาธิปไตย สร้างความวุ่นวาย โดยเฉพาะเวทีปราศรัยใหญ่ที่ กทม.วันนี้ต้องโจมตีพรรคพลังประชารัฐอย่างแน่นอน เพราะกลัวว่าพรรคพลังประชารัฐจะได้กลับมาเป็นรัฐบาลสานต่อโครงการดีๆของรัฐ แต่พวกตนมีจุดยืนจะไม่ยอมให้ประเทศขัดแย้ง เดินหน้าพัฒนาประเทศ ดูแลทุกข์สุขของพี่น้องประชาชน และขอให้มั่นใจในนโยบายของพรรคพลังประชารัฐจับต้องได้และทำได้จริง
"การเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคพลังประชารัฐได้นำบุคคลคุณภาพมาให้พี่น้องเลือก เพื่อเป็นผู้แทนฯที่ดี วางแนวทางพรรคที่จะนำประเทศก้าวข้ามขัดแย้ง และเสนอ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯของพรรค เพราะเป็นผู้นำที่เหมาะสมกับสถานการณ์ของประเทศในเวลานี้ ผมมั่นใจว่าพรรคพลังประชารัฐ มีครบทั้ง 3 อย่างนี้" เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ระบุ
นายสนธิรัตน์ กล่าวด้วยว่า ก่อนที่จะเข้ามาทำงานการเมือง ตนก็ได้ระดมนักธุรกิจมาสร้าง จ.กาญจนบุรี ให้รุ่งเรืองยิ่งใหญ่ในหลายด้าน ทั้งเรื่องท่องเที่ยว อุตสาหกรรม เป็นต้น และหากพรรคพลังประชารัฐได้รับโอกาสจากพี่น้องประชาชน ก็จะผลักดันเชื่อมต่อเขตอุตสาหกรรมทวาย กับภาคตะวันตกเพื่อยกระดับ จ.กาญจนบุรีให้เป็นแผ่นดินทองสมชื่อ
ก่อนหน้านั้น นายอนุชา ปราศรัยตอนหนึ่งว่า วันนี้อำนาจอยู่ในมือของพี่น้องประชาชนในวันที่ 24 มี.ค. แล้วจะเลือกคนที่มาทำร้ายประเทศอีกหรือ รัฐบาลชุดนี้ทำให้บ้านเมืองสงบมากว่า 5 ปี จึงถือเป็นแสงสว่างของเมืองไทย แสงสว่างที่คนไทยไม่มารบกัน แสงสว่างที่ทำให้คนมีอุดมการณ์เดียวกันมาสร้างเป็นพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งพรรคพลังประชารัฐจะต่อยอดนโยบายของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ว่าจะเป็นบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่จะเดินหน้าเพิ่มคน เพิ่มสิทธิ เพิ่มโอกาสให้ประชาชน อีกทั้งยังมีนโยบายด้านราคาพืชผลทางการเกษตร ที่ข้าวต้องขายได้ราคา สนับสนุนค่าเก็บเกี่ยวชาวนา 2,000 บาทต่อไร่ จำนวน 20 ไร่ หรือนโยบาย ส.ป.ก. 4.0 เป็นต้น ดังนั้นขอให้คนกาญจนบุรี เลือกพรรคพลังประชารัฐเป็น ส.ส.ทั้ง 5 เขต
ด้าน นายกอบศักดิ์ ปราศรัยว่า วันนี้พรรคพลังประชารัฐ มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นบัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรีของพรรค ซึ่งโพลยังยกให้เป็นเบอร์ 1 และมีผู้สมัครที่คัดเลือกมาอย่างดีถึง 5 เขตใน จ.กาญจนบุรี และทั่วประเทศ ที่เข้าถึงพึ่งได้ ดังนั้นหากประชาชนมีปัญหาสามารถไปหาผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐได้ทุกคน ที่สำคัญนโยบายของพลังประชารัฐ ไม่แพ้ใครและดีกว่าทุกคน เพราะเป็นนโยบายที่ได้กลั่นกรองจากประชาชน พรรคนี้ไม่มีเจ้าของ ไม่มีคนคิดให้แล้วไปทำตาม โดยเฉพาะนโยบายล่าสุดอย่าง มารดาประชารัฐ ที่ส่งเสริมพัฒนาการเด็กตั้งแต่อยู่ในครรภ์ จนกระทั่งคลอด คลอดแล้วดูแลระหว่างไปถึง 6 ขวบ จึงมั่นใจว่า วันที่ 24 มี.ค.นี้พรรคพลังประชารัฐจะชนะการเลือกตั้งอย่างแน่นอน.
วันนี้ (15 ก.พ.) ตั้งแต่เวลา 17.00 น. ที่เวทีปราศรัยชั่วคราวใน อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี แกนนำพรรคพลังประชารัฐ (พปชร. ) นำโดย นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ นายอนุชา นาคาศัย นายอิทธิพล คุณปลื้ม กรรมการบริหารพรรค นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล โฆษกพรรค พร้อมด้วยผู้สมัคร ส.ส. จ.กาญจนบุรี ทั้ง 5 เขต ได้ร่วมกันจัดการปราศรัยใหญ่ โดยมีประชาชนมาฟังการปราศรัยกว่าหมื่นคน ขณะเดียวกัน นางนิภา รุ่งโรจน์สนิท มารดาของนายสนธิรัตน์และญาติพี่น้อง ซึ่งเป็นชาว อ.ท่าม่วง ได้มาร่วมฟังการปราศรัยและให้กำลังใจนายสนธิรัตน์ในเวทีนี้ด้วย
โดย นายสนธิรัตน์ ปราศรัยตอนหนึ่งว่า วันนี้ตนภูมิใจเพราะพรรคเลือกเปิดปราศรัยใหญ่ครั้งแรกหลังการรับสมัคร ส.ส.ที่บ้านเกิดของตน วันนี้อบอุ่นเพราะปราศรัยท่ามกลางพ่อแม่พี่น้องชาว จ.กาญจนบุรี และยังมีคุณแม่ซึ่งอายุ 89 ปีแล้ว ขอมาฟังปราศรัยในวันนี้ด้วย
นายสนธิรัตน์ กล่าวต่อว่า 10 กว่าปีที่ผ่านมา บ้านเมืองไม่สงบสุข มีการใช้วาทกรรมอ้างประชาธิปไตย สร้างความวุ่นวาย โดยเฉพาะเวทีปราศรัยใหญ่ที่ กทม.วันนี้ต้องโจมตีพรรคพลังประชารัฐอย่างแน่นอน เพราะกลัวว่าพรรคพลังประชารัฐจะได้กลับมาเป็นรัฐบาลสานต่อโครงการดีๆของรัฐ แต่พวกตนมีจุดยืนจะไม่ยอมให้ประเทศขัดแย้ง เดินหน้าพัฒนาประเทศ ดูแลทุกข์สุขของพี่น้องประชาชน และขอให้มั่นใจในนโยบายของพรรคพลังประชารัฐจับต้องได้และทำได้จริง
"การเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคพลังประชารัฐได้นำบุคคลคุณภาพมาให้พี่น้องเลือก เพื่อเป็นผู้แทนฯที่ดี วางแนวทางพรรคที่จะนำประเทศก้าวข้ามขัดแย้ง และเสนอ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯของพรรค เพราะเป็นผู้นำที่เหมาะสมกับสถานการณ์ของประเทศในเวลานี้ ผมมั่นใจว่าพรรคพลังประชารัฐ มีครบทั้ง 3 อย่างนี้" เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ระบุ
นายสนธิรัตน์ กล่าวด้วยว่า ก่อนที่จะเข้ามาทำงานการเมือง ตนก็ได้ระดมนักธุรกิจมาสร้าง จ.กาญจนบุรี ให้รุ่งเรืองยิ่งใหญ่ในหลายด้าน ทั้งเรื่องท่องเที่ยว อุตสาหกรรม เป็นต้น และหากพรรคพลังประชารัฐได้รับโอกาสจากพี่น้องประชาชน ก็จะผลักดันเชื่อมต่อเขตอุตสาหกรรมทวาย กับภาคตะวันตกเพื่อยกระดับ จ.กาญจนบุรีให้เป็นแผ่นดินทองสมชื่อ
ก่อนหน้านั้น นายอนุชา ปราศรัยตอนหนึ่งว่า วันนี้อำนาจอยู่ในมือของพี่น้องประชาชนในวันที่ 24 มี.ค. แล้วจะเลือกคนที่มาทำร้ายประเทศอีกหรือ รัฐบาลชุดนี้ทำให้บ้านเมืองสงบมากว่า 5 ปี จึงถือเป็นแสงสว่างของเมืองไทย แสงสว่างที่คนไทยไม่มารบกัน แสงสว่างที่ทำให้คนมีอุดมการณ์เดียวกันมาสร้างเป็นพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งพรรคพลังประชารัฐจะต่อยอดนโยบายของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ว่าจะเป็นบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่จะเดินหน้าเพิ่มคน เพิ่มสิทธิ เพิ่มโอกาสให้ประชาชน อีกทั้งยังมีนโยบายด้านราคาพืชผลทางการเกษตร ที่ข้าวต้องขายได้ราคา สนับสนุนค่าเก็บเกี่ยวชาวนา 2,000 บาทต่อไร่ จำนวน 20 ไร่ หรือนโยบาย ส.ป.ก. 4.0 เป็นต้น ดังนั้นขอให้คนกาญจนบุรี เลือกพรรคพลังประชารัฐเป็น ส.ส.ทั้ง 5 เขต
ด้าน นายกอบศักดิ์ ปราศรัยว่า วันนี้พรรคพลังประชารัฐ มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นบัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรีของพรรค ซึ่งโพลยังยกให้เป็นเบอร์ 1 และมีผู้สมัครที่คัดเลือกมาอย่างดีถึง 5 เขตใน จ.กาญจนบุรี และทั่วประเทศ ที่เข้าถึงพึ่งได้ ดังนั้นหากประชาชนมีปัญหาสามารถไปหาผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐได้ทุกคน ที่สำคัญนโยบายของพลังประชารัฐ ไม่แพ้ใครและดีกว่าทุกคน เพราะเป็นนโยบายที่ได้กลั่นกรองจากประชาชน พรรคนี้ไม่มีเจ้าของ ไม่มีคนคิดให้แล้วไปทำตาม โดยเฉพาะนโยบายล่าสุดอย่าง มารดาประชารัฐ ที่ส่งเสริมพัฒนาการเด็กตั้งแต่อยู่ในครรภ์ จนกระทั่งคลอด คลอดแล้วดูแลระหว่างไปถึง 6 ขวบ จึงมั่นใจว่า วันที่ 24 มี.ค.นี้พรรคพลังประชารัฐจะชนะการเลือกตั้งอย่างแน่นอน.