xs
xsm
sm
md
lg

กกต.จังหวัดมึน จ่อตัดสิทธิ 506 ผู้สมัคร ส.ส.เขตคุณสมบัติไม่ครบ-สังกัดมั่วหลายพรรค

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


สนง.กกต.ส่อตัดสิทธิ 506 ผู้สมัคร ส.ส.เขต หลังพบไม่ปรากฏชื่อในระบบฐานข้อมูลสมาชิก-เป็นสมาชิกซ้ำซ้อน-สังกัดพรรคไม่ครบ 90 วัน ด้าน ผอ.กกต.จังหวัดมึน ถามต้องประกาศพรุ่งนี้ จะให้ยึดข้อมูลไหนพิจารณา กังวลฟ้องศาลต้องรับภาระชี้แจง

วันนี้ (14 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้งทั้ง 350 เขต จะต้องตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามผู้สมัคร ส.ส.เขตที่มียอดการสมัครกว่า1หมื่นคน และต้องประกาศรับรองรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.เขตตามที่กฎหมายกำหนดในวันพรุ่งนี้ (15 ก.พ.) พบว่าขณะนี้สำนักงาน กกต.ได้มีการแจ้งผลการตรวจสอบการเป็นสมาชิกพรรคการเมืองของผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ไปยังผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดทั่วประเทศเพื่อเป็นข้อมูลให้ผู้อำนวยการประจำเขตเลือกตั้งใช้เป็นข้อมูลในการพิจารณาไม่รายชื่อให้เป็นผู้สมัคร โดยมีรายงานว่าผลการตรวจสอบที่มีการแจ้งไปนั้น แยกเป็น ผลการตรวจสอบการเป็นสมาชิกพรรคการเมืองของผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตที่บันทึกเข้าระบบฐานข้อมูลพรรคการเมืองกรณี ไม่พบว่ามีชื่ออยู่ในระบบฐานข้อมูลสมาชิกพรรคการเมือง และไม่เป็นผู้ร่วมจัดตั้งพรรคที่ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 172 ให้สิทธินับการเป็นสมาชิกนับตั้งแต่วันที่ยื่นคำขอจดทะเบียนจัดตั้งพรรค ลงวันที่ 11 ก.พ. ซึ่งพบว่ามีผู้สมัคร ส.ส.เขตที่เข้าข่ายดังกล่าวรวม 253 ราย และผลการตรวจสอบสมาชิกพรรคของผู้สมัคร ส.ส.ที่บันทึกเข้าระบบฐานข้อมูลพรรคกรณีพบว่า เป็นสมาชิกพรรคการเมืองเดียวไม่ครบ 90 วันตามรัฐธรรมนูญมาตรา 96 (3) ประกอบมาตรา 41( 3) และเป็นสมาชิกพรรคซ้ำซ้อน ลงวันที่ 11 ก.พ. ซึ่งพบว่ามีผู้สมัคร ส.ส.เขตที่เข้าข่ายดังกล่าวรวม 253 ราย

อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่ากรณีดังกล่าวสร้างความสับสน วุ่นวายให้ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดทั่วประเทศเป็นอย่างมาก เนื่องจากเมื่อวันที่ 12 ก.พ. สำนักงาน กกต.เพิ่งจะได้มีบันทึกข้อความแจ้งเป็นการภายในไปยังผู้อำนวยการเลือกตั้งประจำจังหวัดทั่วประเทศว่า กรณีไม่ปรากฏชื่อผู้สมัคร ส.ส.ในระบบฐานข้อมูลสมาชิกพรรคการเมือง เนื่องจากพรรคการเมืองยังไมได้นำเข้าข้อมูลสมาชิกพรรคการเมืองให้ยึดหลักฐานการเป็นสมาชิกพรรคการเมืองที่ผู้สมัครนำมาแสดง คือ สำเนาใบสมัครเป็นสมาชิกพรรค สำเนาหลักฐานการชำระเงินค่าบำรุงพรรค และสำเนาหลักฐานการลาออกจากสมาชิกพรรคการเมืองอื่น เป็นหลักฐานในการพิจารณารับสมัคร ส่วนกรณีการนับระยะเวลาการเป็นสมาชิกพรรคของผู้สมัครที่เป็นผู้ร่วมกันจดแจ้งจัดตั้งนั้นให้ยึดหลักฐานสำเนาใบคำขอจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมือง และสำเนาหลักฐานการรับทุนประเดิมของผู้ร่วมกันจัดตั้งพรรคการเมือง เป็นหลักฐานในการพิจารณารับสมัคร จึงทำให้ ขณะนี้ในกรุ๊ปไลน์สำนักงาน กกต.ที่ใช้สื่อสารกับผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดทั่วประเทศ ทางผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัด ได้พยายามขอความชัดเจนว่าตกลงแล้วจะให้แจ้ง ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเขต ยึดข้อมูลของสำนักงานที่แจ้งไป หรือหลักฐานที่ผู้สมัครนำมาแสดง เป็นหลักในการพิจารณาประกาศรับรองรายชื่อผู้สมัคร เพราะตามกฎหมายจะต้องประกาศรับรองรายชื่อผู้สมัคร ในวันพรุ่งนี้แล้ว แต่ก็ยังไม่มีคำตอบจากทางสำนักงานฯ

นอกจากนี้ ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดยังแสดงความกังวลใจว่า หากยึดข้อมูลตามรายงานผลการตรวจสอบ ซึ่งก็จะมีผู้สมัคร ส.สเขต ถูกตัดสิทธิ์ไม่ได้รับการประกาศชื่อจากทั้ง 3 เหตุผลมากถึง 506 คนรวมถึงผู้สมัครที่จะถูกตัดสิทธิ์ไม่ประกาศรายชื่อจากเหตุผลอื่นไปยื่นร้องต่อศาลฎีกา และผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเขตก็ต้องไปชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาซึ่งก็จะถือเป็นภาระหนักพอสมควร ขณะเดียวกันก็จะเกิดปัญหาตามมา ถ้าที่สุดแล้วศาลฎีกายืนตามความเห็นของผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัด ที่ไม่ประกาศรายชื่อผู้นั้นให้เป็นผู้สมัคร สำนักงาน กกต.ก็ต้องแจ้งความ ดำเนินคดีทั้งกับผู้สมัครและหัวหน้าพรรคการเมืองนั้นที่เซ็นรับรองส่งสมัครอีกด้วยหรือไม่

ทั้งนี้ ตามมาตรา 49 พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.กำหนดว่ากรณีที่ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้งไม่รับสมัครผู้ใหด หรือไม่ประกาศรายชื่อบุคคลใดเป็นผู้สมัครตามมาตรา 46 ให้บุคคลนั้นมีสิทธิยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาภายใน 7 วันวันนับแต่วันที่ไม่รับสมัครหรือไม่ประกาศรายชื่อ โดยการพิจารณาและวินิจฉัยของศาลฎีกาให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จก่อนวันเลือกตั้งไม่น้อยกว่า 3 วัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามข้อมูลที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต อาจถูกตัดสิทธิ์ไม่ได้ รับการประกาศชื่อให้เป็นผู้สมัคร จากเหตุดังกล่าวพบว่ามีทั้งพรรคเก่าพรรคใหม่ แต่ส่วนใหญ่แล้วเป็นพรรคการเมืองขนาดเล็กที่ตั้งขึ้นใหม่ อาทิ พรรคมหาชนถูกระบุว่าผู้สมัครแบบแบ่งเขตไม่พบชื่อในระบบฐานข้อมูลมากถึง 133 คน พรรคผึ้งหลวงมากถึง 40 คน พรรคประชาธรรมไทย 16 คน พรรคประชาธิปัตย์ 1 คน พรรคอนาคตใหม่ 3 คนที่ไม่พบข้อมูลในระบบ และไม่เป็นผู้ร่วมจัดตั้งพรรค

ขณะที่ผู้สมัครแบบแบ่งเขตของพรรคเศรษฐกิจใหม่ พบเป็นสมาชิกซ้ำซ้อนกับพรรคการเมืองอื่น 27 คน พรรคเพื่อชาติ 20 คน พรรคประชาชาติ 18 คน พรรคเสรีรวมไทย 6 คน พรรคชาติพัฒนา 3 คน พรรคภูมิใจไทย 2 คน ส่วนพรรคผู้สมัครพรรคครูไทยสังกัดการเมืองไม่ครบ 90 วัน จำนวน 18 คน พรรครวมพลังประชาชาติไทย 7 คน ที่เป็นสมาชิกพรรคการเมืองไม่ครบ 90 วัน และไม่เป็นผู้ร่วมจัดตั้งพรรคการเมือง เป็นต้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับในส่วน ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ซึ่งตามกฎหมายแล้ว กกต.จะต้องพิจารณาประกาศรับรองรายชื่อด้วยนั้น มีรายงานว่าในช่วงเช้า กกต.จะมีการประชุมพิจารณารายงานผลการตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามในการสมัคร ก่อนที่จะประกาศรับรองรายชื่อ รวมทั้งพิจารณากรณีจะต้องถอนชื่อนายสมศักดิ์ โกศัยสุข อดีตหัวหน้าพรรคสังคมประชาธิปไตยไทย ออกจากบัญชีรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีที่ กกต.ประกาศรับรองไปก่อนหน้านี้หรือไม่



กำลังโหลดความคิดเห็น