xs
xsm
sm
md
lg

กกต.เร่งสอบคุณสมบัติผู้สมัคร ชี้วันที่ 15 ก.พ.ไม่มีชื่อให้ร้องศาลค้านใน 3 วัน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


กกต.เร่งตรวจสอบคุณสมบัติ 5,831 ผู้สมัคร ส.ส. ชี้ 15 ก.พ.ไม่ถูกประกาศชื่อให้ร้องศาลฎีกาได้ใน 3 วันระบุ “บิ๊กตู่” ปฏิบัติหน้าที่ได้ตามปกติ แม้ได้รับการเสนอชื่อจาก พปชร.เป็นนายก แต่หากมีผลกระทบภายหลัง กกต.จะเป็นผู้วินิจฉัย ผู้สมัครเพื่อชาติเปลี่ยนชื่อเป็นทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ แค่สีสัน เป็นสิทธิส่วนตัว

วันนี้ (5 ก.พ.) นายณัฏฐ์ เล่าสีห์สวกุล รองเลขาธิการ กกต. กล่าวถึงสถานภาพของพรรคการเมืองทั้ง 58 พรรค ที่ดำเนินการส่งผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตทั่วประเทศเมื่อวันที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมา ว่าหลังจากเสร็จสิ้นการรับสมัครในวันที่ 8 ก.พ.นี้ ทาง กกต.จะมีหนังสือสอบถามไปยังทะเบียนพรรคการเมือง เพื่อตรวจสอบว่าพรรคการเมืองมีสถานภาพเป็นพรรคการเมืองที่มีสิทธิส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งหรือไม่ ขณะนี้หากพรรคการเมืองส่งผู้สมัคร ทาง กกต.ก็ต้องรับไว้ทั้งหมด แต่หากตรวจสอบแล้วพรรคมีคุณสมบัติไม่ครบ ก็จะทำให้รายชื่อที่ส่งสมัครทั้งหมดเป็นโมฆะ เหมือนไม่ได้มีการสมัครเกิดขึ้น ค่าสมัครทั้งหมดก็ตกเป็นของแผ่นดิน ส่วนผู้ที่ส่งสมัครจะมีความผิดหรือไม่นั้น ต้องดูข้อเท็จจริง เนื่องจากกรณีนี้เป็นเรื่องใหม่ เพราะการได้มาซึ่งสถานภาพของพรรคการเมือง เป็นไปตามกฎหมายพรรคการเมือง ขณะเดียวกันก็ต้องเข้ากับเงื่อนไขหลายๆ เงื่อนไข หนึ่งในนั้นคือคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ทั้งหมดถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ส่วนพรรคการเมืองที่มีสิทธิส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง มีสถานภาพของความเป็นพรรคสมบูรณ์ แต่รายชื่อผู้สมัครมีปัญหาหรือคุณสมบัติไม่ครบ ก็จะพิจารณาเป็นรายชื่อ ไม่ส่งผลกระทบต่อผู้สมัครรายอื่น

ทั้งนี้ จากการเปิดรับสมัครผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตเมื่อวันที่ 4ก.พ. ที่ผ่านมา ซึ่งมีจำนวนผู้สมัครกว่า 5,831 คน ส่วนหนึ่ง กกต.ได้ดำเนินการส่งข้อมูลของผู้สมัครไปยังหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัคร หลังจากนี้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องรายงานผลการตรวจสอบกลับมายัง กกต.ในวันที่ 9 ก.พ. หากพบผู้สมัครที่มีปัญหาเรื่องคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้าม ทาง กกต.ก็จะดำเนินการส่งข้อมูลไปยังผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้ง เพื่อพิจารณาการประกาศไม่รับสมัครในวันที่ 15 ก.พ. ส่วนผู้สมัครที่มีรายชื่อตามประกาศไม่รับสมัคร ก็มีสิทธิยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาภายใน 3 วัน อย่างไรก็ตาม จากการเปิดรับสมัครวันแรกเมือวันที่ 4 ก.พ. พบปัญหาในช่วงเช้า เรื่องการจับสลากและเรื่องเอกสารการยื่นภาษีของผู้สมัครเพียงเล็กน้อย แต่โดยภาพรวมทุกอย่างเรียบร้อยดี

นายณัฏฐ์ยังกล่าวกรณีที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จะขึ้นรูป พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) คู่กับผู้สมัครบนป้ายหาเสียงทันทีที่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบรับเป็นบัญชีนายกฯ พรรคว่า ตามระเบียบของ กกต.ว่าด้วยเรื่องของป้ายหาเสียง กำหนดให้ขึ้นรูปสมาชิกพรรค หัวหน้าพรรค ผู้ที่พรรคเสนอชื่อเป็นนายกฯ ดังนั้นพรรคจึงควรยื่นบัญชีผู้ที่จะเสนอชื่อเป็นนายกฯ ต่อ กกต.เสียก่อนที่จะดำเนินการนำรูปของบุคคลนั้นไปขึ้นป้ายเพื่อหาเสียง

เมื่อถามว่า ระเบียบของ กกต.มีการลักลั่นหรือไม่ เพราะพรรค พปชร.เสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ก็ยังอยู่ในตำแหน่ง จึงอาจสามารถใช้ผลงานหาเสียง อีกทั้งโครงการต่างๆ ของรัฐบาลก็สอดคล้องกับนโยบายของพรรค พปชร.นายณัฏฐ์กล่าวว่า มองว่าเป็นเรื่องของความรู้สึกต้องแยกแยะระหว่างกฎหมายกับความรู้สึก ซึ่งเท่าที่ตรวจสอบดูยังไม่มีอะไรเข้าข่ายผิดกฎหมาย หากภายหลังมีผู้มาร้องเรียนเข้ามา กกต.ทั้ง 7 คนจะเป็นผู้พิจารณา ส่วนตัวมองว่าเราวิตกกังวลกันเกินไปหรือไม่ ขณะนี้ประชาชนสนใจการเมืองพอสมควร เพราะทุกอย่างจะไปตัดสินใจกันในวันเลือกตั้งวันที่ 24 มี.ค. กกต.จะไม่พิจารณาประเด็นที่มาจากสื่อ เพราะข่าวก็คือข่าว ข้อเท็จจริงก็คือข้อเท็จจริง

ส่วนเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ตอบรับเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของ พปชร.จะต้องยกเลิกการจัดรายการทุกวันศุกร์ และเลิกลงพื้นที่ ครม.สัญจรหรือไม่ นายณัฏฐ์กล่าวว่า ในเรื่องจัดรายการไม่สามารถตอบได้ เนื่องจากตนไม่ได้อยู่ในวิสัยของผู้วินิจฉัย ส่วนการลงพื้นที่ ครม.สัญจรได้หรือไม่ ถ้าดูกฎหมายดีๆ จะพบว่าโดยหลักแล้วการที่บุคคลใดถูกทาบทามให้อยู่ในบัญชีแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคใดไม่บังคับให้เป็นสมาชิกพรรค และต้องไม่กระทบกระเทือนต่อวิชาชีพของเขา เคยประกอบอาชีพใด เคยทำตัวอย่างไรก็ยังสามารถทำได้ ส่วนที่ทำไปแล้วจะมีผลกระทบอย่างไรก็เป็นข้อเท็จจริงของผลกระทบ ต้องว่าเป็นกรณีไป

“ถ้าบอกว่าเมื่อนาย ก. ได้รับเสนอชื่อเป็นนายกฯ แล้วจะประกอบสัมมาอาชีพปกติไม่ได้ คงไม่ใช่เจตนารมณ์ของกฎหมาย หากมีผู้ที่คิดว่าได้รับผลกระทบมายื่นคำร้อง กกต.จะรับไว้เพื่อวินิจฉัย” นายณัฏฐ์กล่าว

ส่วนที่ผู้สมัครพรรคเพื่อชาติเปลี่ยนชื่อเป็นทักษิณ หรือยิ่งลักษณ์ จะเข้าข่ายการสร้างแรงจูงใจหรือไม่นั้น นายณัฏฐ์กล่าวว่า เบื้องต้นการเปลี่ยนชื่อที่คนไทยพึงมีพึงได้ไม่กระทบต่อใคร นายทะเบียนที่รับจดเปลี่ยนก็คงพิจารณาแล้ว ไม่ใช่ว่าชื่อนี้จะเป็นชื่อที่ต้องห้าม หากเป็นเช่นนั้นก็จะต้องบังคับห้ามเปลี่ยนกันทั้งประเทศ เชื่อว่าประเด็นดังกล่าวประชาชนจะเป็นผู้พิจารณาว่าทำไปแล้วจะได้หรือเสียคะแนน ไม่ใช่ว่าเปลี่ยนชื่อแล้วจะมีคะแนนขึ้นมา ตนมองเป็นสีสันของการเลือกตั้งที่มีคนคิดไปในเชิงสร้างสรรค์ แต่ผลจะออกมาอย่างไรขึ้นอยู่กับประชาชน

เมื่อถามย้ำว่า มีพรรคการเมืองบางพรรคส่งผู้สมัครไม่ครบทุกเขต เช่น พรรคหนึ่งส่ง 22 เขต อีกพรรคหนึ่งส่ง 8 เขต จะเข้าข่ายสมยอมกันหรือไม่ว่า นายณัฏฐ์กล่าวว่า ต้องดูกลยุทธ์ของแต่ละพรรคการเมืองที่พรรคการเมืองมีความเป็นนิติบุคคลแยกขาดจากกัน การที่เราไปมองข้อเท็จจริง และเอาเหตุผลส่วนตัวใส่เข้าไปว่าเป็นการสมยอมจริงๆ แล้วกลยุทธ์ของเขาอาจมองว่าพื้นที่นี้อาจไม่ได้แล้วจะส่งไปทำไม
กำลังโหลดความคิดเห็น