xs
xsm
sm
md
lg

“ป๊อก” ดันมาตรการแก้ฝุ่นพิษวันนี้ เตือน 7 และ 13 ก.พ.กลับมาปริมาณมากขึ้นอีก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา(แฟ้มภาพ)
“บิ๊กป๊อก” ชงแนวทางแก้ฝุ่นพิษ กทม.เข้า ครม.วันนี้ เน้นวาง 3 มาตรการระยะเร่งด่วน-มาตรการเสริม เสนอเพิ่มชุดโมบาย หลังเครื่องวัดปริมาณฝุ่นไม่เพียงพอและบางส่วนยังไม่มีคุณภาพ พร้อมเตือนวันที่ 7 และ 13 ก.พ.ปริมาณฝุ่นจะกลับมามีปริมาณมากอีกครั้ง

วันนี้ (5 ก.พ.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงสถานการณ์ฝุ่นละอองในขณะนี้ว่า หลังจากที่ได้มีการประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมจะนำแนวทางที่ได้เข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันเดียวกัน ได้มีการพูดถึงเรื่องฝุ่นขนาดเล็ก PM 2.5 ว่ามีอันตรายมากน้อยแค่ไหน โดยภาพรวมแล้วสถานการณ์ฝุ่นในปีนี้ถ้าเทียบกับปีที่ผ่านมามีน้อยกว่า ทางด้านการแพทย์ยืนยันว่าการส่งผลกระทบต่อสุขภาพต้องใช้เวลาและไม่มีหลักฐานว่าเมื่อร่างกายได้รับไปแล้วจะส่งผลทันที เพราะฉะนั้น กลุ่มบุคคลที่ควรระวัง คือ เด็ก ที่จะส่งผลกระทบในอนาคต ขณะที่ผู้ใหญ่อาจจะสะสมเป็น 10 ปีถึงจะแสดงผล สำหรับแหล่งกำเนิด PM 2.5 นั้น มาจากรถยนต์ดีเซล 50 เปอร์เซ็นต์ ส่วนที่เหลือมาจากการก่อสร้างและโรงงานอุตสาหกรรม

พล.อ.อนุพงษ์กล่าวต่อว่า ส่วนวิธีดำเนินการนั้น เนื่องจากในอากาศมีส่วนประกอบหลายส่วน รวมทั้ง PM 2.5 การดำเนินการบางอย่างจะใช้ไม่ได้ผล เช่น PM 10 จะใช้น้ำฉีดได้ผล แต่ถ้าเป็น PM 2.5 จะต้องไปแก้ที่ต้นกำเนิด โดยมี 3 มาตรการ คือ มาตรการระยะเร่งด่วน แบ่งเป็น 4 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 และส่วนที่ 2 ใช้กฎหมายปกติ เช่นใน กทม.ห้ามรถบรรทุกเข้าพื้นที่ในห้วงเวลาที่กำหนด และต้องมีการตรวจ รวมถึงต้องไม่มีค่าของเขม่าเกินตามที่กฎหมายระบุไว้

ส่วนมาตรการเสริม เช่น การกวาดถนนการฉีดละอองน้ำ ขณะที่มาตรการที่ 3 และ 4 เป็นการใช้มาตรการเสริมพิเศษอื่นๆ ถ้าจำเป็น อย่างไรก็ตาม หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.ขอความร่วมมือประชาชนก็มีผลตอบรับที่ดีขึ้น หน่วยราชการไม่ใช้รถดีเซล โดยในวันที่ 7 และ 13 ก.พ.นี้ สภาพฝุ่นก็จะเพิ่มมากขึ้นอีกห้วงหนึ่ง ขณะเดียวกัน การติดตั้งเครื่องมือวัดปริมาณฝุ่นละอองในตัวเมืองใหญ่ๆ นั้นเรายังมีไม่เพียงพอและไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งเครื่องวัดปริมาณฝุ่นมีคุณภาพราคา 8 ล้านบาท แต่ควรมีการนำชุดโมบายมาเพิ่มเติมก่อน
กำลังโหลดความคิดเห็น