xs
xsm
sm
md
lg

“ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” ยังขายได้หรือแค่แอบอ้างหาประโยชน์ !!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เมืองไทย 360 องศา




หลากหลายอารมณ์ที่ตามมาหลังจากได้เห็นความเคลื่อนไหวของผู้สมัครบางพรรคการเมือง เช่น จากพรรคเพื่อชาติ ที่เป็นข่าวอย่างน้อย 3-4 คน ที่มีการเปลี่ยนชื่อไปเป็น “ทักษิณ” และ “ยิ่งลักษณ์” โดยพวกเขาอ้างในทำนองเกียวกันว่าเพื่อต้องการให้ประชาชนจดจำง่าย

แน่นอนว่า นี่คือ บรรยากาศเสรีที่เกิดขึ้นในช่วงเริ่มวันสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. เป็นวันแรก ที่สามารถทำได้เป็นเอกสิทธิ์ส่วนตัว ตราบใดที่ยังไม่ได้ทำผิดกฎหมาย หรือกฎหมายไม่ได้ห้ามเอาไว้ ก็เชิญตามสะดวก แม้ว่าในสายตาของคนหลายคนจะรู้สึกตลกขบขัน หรือมีความรู้สึกอย่างอื่นปะปนกันไปก็ตาม ซึ่งการเปลี่ยนชื่อเพื่อสมัครผู้แทนฯไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นครั้งแรก แต่เกิดขึ้นมาแทบทุกยุคสมัยที่มีการเลือกตั้ง บางคนที่เคยเป็นดารานักแสดงก็เปลี่ยนชื่อที่เคยใช้ตอนเป็นนักร้องนักแสดง หรือมีฉายาตอนเป็นดีเจจัดรายการวิทยุ ก็เปลี่ยนชื่อที่ว่านั้นเป็นจริงใช้สำหรับการใช้สมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งก็เห็นกันอยู่ และบางคนก็ยังใช้ชื่อแบบนั้นจนถึงวันนี้ก็ยังมี

แต่สำหรับการเปลี่ยนชื่อเป็น ทักษิณ -ยิ่งลักษณ์ ในการเลือกตั้งครั้งนี้ อาจถือเป็นครั้งแรกก็ว่าได้ที่มีการเปลี่ยนไปใช้ชื่อของคนอื่น โดยเชื่อว่า จะทำให้เป็นที่จดจำง่าย และที่สำคัญ อาจไม่ได้บอกเหตุผลอีกอย่าง ก็คือ ต้องการแสดงเจตนาให้เห็นว่า “เป็นคนของ” หรือสื่อความหมายว่าเป็น “พวกเดียวกัน” เข้าใจว่าชื่อของ ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ นั้น ขายได้

อย่างไรก็ดี หากอธิบายกันในแบบที่ซับซ้อนกว่านี้อีกนิดหนึ่ง มันก็ไม่ได้ต่างอะไรกับการที่คนอย่าง นายยงยุทธ ติยะไพรัช ผู้สนับสนุนของพรรคเดียวกันนี้ เคยขึ้นเวทีปราศรัยว่า “จะพาทักษิณกลับบ้าน” นั่นแหละ ซึ่งพิจารณาจากทั้งสองกรณีก็ล้วนมีเป้าหมายเดียวกัน นั่นคือ หาประโยชน์จากคะแนนเสียงของพวกที่สนับสนุน นายทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยเฉพาะฐานเสียงในพื้นที่ชนบท

แน่นอนว่า หากพิจารณาให้ลึกลงไปก็ต้องเข้าใจว่าสำหรับพรรคเพื่อชาติแล้ว ไม่ใช่พรรคสาขาของพรรคเพื่อไทย เมื่อเทียบกับพรรคไทยรักษาชาติ ที่แตกตัวออมา เพื่อหวังเก็บตกคะแนนเสียงขอ

พรรคเพื่อไทยเดิมที่เคยได้เมื่อครั้งที่ใช้กติกาตามรัฐธรรมนูญฉบับเก่า ดังนั้น หากเทียบให้เข้าใจง่ายก็คือพรรคเพื่อไทย ก็คือ บริษัทแม่ ส่วนพรรคไทยรักษาชาติก็ถูกมองว่าเป็น “บริษัทลูก”

ขณะที่พรรค “เพื่อชาติ” สำหรับเครือข่าย ทักษิณ ชินวัตร แล้ว ก็น่าจะเป็นแค่พรรคแนวร่วมที่เคยเป็นพวกเดียวกันมาก่อน แต่ฐานคะแนนเสียงก็ล้วนมาจากกลุ่มเดียวกันที่เคยสนับสนุนให้กับพรรคเพื่อไทยมาก่อน

อย่างไรก็ดี เมื่อเทียบกับไทยรักษาชาติแล้ว อย่างที่บอก ก็คือ ไม่ใช่ถูกยกให้เป็น “เด็กในบ้าน” ระดับจึงลดหลั่นมาอีก แต่คำถามก็คือ หากไม่ใช่อยู่ในเครือข่ายมันก็ย่อมขายยาก เพราะหลายคนคาดหมายว่า การเลือกตั้งคราวนี้ด้วยกติกา “กาบัตรใบเดียวเบอร์เดียว” หากไม่มีจุดขายที่เป็นที่จดจำมันก็ลำบาก โอกาสลุ้นแทบไม่มีเลย

ด้วยแบ็กกราวนด์แบบนี้ หลายคนถึงได้เข้าใจว่า ทำไม นายยงยุทธ ติยะไพรัช จากพรรคเพื่อชาติ ถึงได้ปราศรัยอาสาพาทักษิณ กลับบ้าน และทำไมผู้สมัครของพรรคเพื่อชาติบางคนถึงได้ยอมเปลี่ยนชื่อเป็น ทักษิณ และ ยิ่งลักษณ์ ซึ่งมีความหมายไม่ได้แตกต่างกันมากนัก

แต่คำถามก็คือ “ความจริง” เป็นแบบนั้นหรือ และ ชื่อของ ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ ศักดิ์สิทธิ์ ขนาดนั้นเลยหรือ เพราะอย่างแรกหากต้องการให้ทักษิณ กลับบ้านในเวลานี้ สามารถกลับได้ทุกเวลาตลอด 24 ชั่วโมง แต่หากคิดจะกลับมา “อย่างเท่” ในความหมายที่ว่า “ไม่ต้องมีความผิดใดๆ” มันก็ต้องพูดกันยาวและเสี่ยงที่จะทำ เพราะที่ผ่านมา มีการพิสูจน์กันมาหลายรอบแล้วว่า ไม่ว่าใครหรือรัฐบาลไหนที่คิดทำเรื่องแบบนี้ขึ้นมาก็ต้องมีอันเป็นไปทุกครั้ง เหมือนกับตัวอย่าง “นิรโทษฯสุดซอย” ที่เห็นกันอยู่ และแม้แต่ “ตัวแม่” อย่าง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยังลำบากจนถึงวันนี้

ดังนั้น หากให้สรุปทั้งสองความหมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาสาพากทักษิณ กลับบ้าน กับการเปลี่ยนชื่อเป็น ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ มันเป็นเพียงการสร้างจุดขาย หาจุดเด่นให้เข้าตาบรรดาผู้สนับสนุนในเครือข่ายกลุ่มนี้เท่านั้น แต่คำถามก็คือ มันยังขายได้ในแบบฟีเวอร์ในแบบที่เคยเป็นอยู่หรือไม่ และหากได้ผลจริง มันจะกระทบกับพรรคหลักอย่างพรรคเพื่อไทย และพรรครอง คือ พรรคไทยรักษาชาติ หรือไม่ หากคิดว่าต้องถูกแบ่งคะแนนเสียงให้ลดลงไป!!


กำลังโหลดความคิดเห็น