นายกฯ ระบุยุทธศาสตร์การศึกษา ครูต้องจบครู ไม่ใช่จบสาขาอื่นแล้วไม่มีที่ไป ย้ำตัวเลขความยากจนลดลง ข้องใจตัวเลขอาชญากรรมลดลง แต่แรงขึ้น เหตุคนขาดสำนึก ชกกันบนถนนทุกวัน น้อมเกล้าฯ พระราโชบาย ร.๑๐ ต้องทำให้ประชาชนมีความสุข
วันนี้ (30 ม.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เราต้องสอนให้คนเคารพกฎหมาย มีระเบียบวินัย เด็กเติบโตมาท่ามกลางสังคมที่ปลอดภัย สงบสุข สิ่งแวดล้อมดี น้ำสะอาด ได้รับการเลี้ยงดูจากพ่อแม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกจากเทคโนโลยีเพียงพอ ทำอย่างไรให้เขามีเงิน นี่คือยุทธศาสตร์ชาติ ถ้าไม่ทำให้เขา วันหน้าเขาก็กลับมาจนเหมือนเดิม
“วันหน้าใครเลี้ยงใครล่ะ แต่ก่อนนี้พ่อแม่เลี้ยงลูก แล้วลูกก็ดูแลพ่อแม่ แต่วันนี้ต่างคนต่างดูแลกันไม่ได้แล้วต่อไปในอนาคตสำหรับผู้มีรายได้น้อย ก็เป็นภาระที่รัฐบาลต้องเข้าไปดูแลแทนมันใช้เงินมหาศาล”
นายกฯ กล่าวว่า เราต้องสร้างสังคมให้เข้มแข็งตั้งแต่ประถม มัธยมต้น การศึกษาภาคบังคับ ยกระดับคุณภาพการศึกษาภายใน 20 ปีข้างหน้าต้องบุกเบิกนวัตกรรมจัดระดับโรงเรียนการสอน รัฐบาลต้องใช้การศึกษาทางออนไลน์เพิ่มขึ้น การศึกษาผ่านดาวเทียม วันนี้ก็ปรับปรุงหมดแล้ว แต่ไม่ใช่เปิดทีวีให้เด็กดูแล้วไปที่อื่น ครูต้องอยู่ด้วย ต้องเรียนไปพร้อมนักเรียน
นายกฯ กล่าวว่า วันนี้ครูต้องเป็นครูที่มีคุณภาพจริงๆ ไม่ใช่หลายคนไปทำอาชีพอื่นไม่ได้แล้วกลับมาเป็นครู แต่ก่อนมีวิทยาลัยครูโดยเฉพาะ เดี๋ยวนี้ไม่มีแล้ว กลายเป็นมหาวิทยาลัยราชภัฏ เป็นอะไรไปต่างๆ เราก็ต้องทำให้ได้ สาขานี้เป็นสาขาที่จบมาแล้วเป็นครู ไม่ใช่สาขาอื่นแล้วกลับมาเป็นครู เพราะไปต่อไม่ได้ ตอนนี้มันเป็นอย่างนั้นอยู่ ตนไม่ได้ดูถูกเขา ทุกคนต้องพร้อม ใครอยากจะเป็นครูก็มา แต่ทุกคนต้องผ่านการสอบการอบรมให้ได้ ทุกคนบอกว่าต้องเท่าเทียม สาขาไหนก็เป็นครูได้ มันไม่ได้ มาตรฐานความเป็นครูไม่ได้
นายกฯ กล่าวว่า วันนี้ยุทธศาสตร์ชาติเราทำมาตลอดประชาชนจะได้อะไร คนจนจะต้องลดลงจาก 7.1 ล้านคนในปี 2557 เหลือ 5.3 ล้านคน ในปี 2560 วันนี้ก็ต้องมาตีความกันว่าคนจนคืออะไร ที่ลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อยก็ 14.7 ล้านคน ตัวเลขมันห่างกันพอสมควร แต่นี่คือหลักการเดิมที่เราบริหารอย่างนี้อยู่ เราต้องเอาตัวเลข 14.7 ล้านคนมาดูว่านี่คือคนจนหรือไม่มี รายได้ต่ำกว่า 1 แสน ต่ำกว่า 3 หมื่นหรือไม่ แล้วเราต้องตั้งเป้าตรงนี้ ไม่อย่างนั้นก็ต้องใช้รัฐสวัสดิการดูแลไปเรื่อย มันไม่ไหว วันหน้ามันผูกพันไปยิ่งขึ้น
นายกฯ กล่าวว่า อาชญากรรมทำร้ายร่างกายในปี 2557 จาก 24,000 เหลือ 18,000 มันก็ยังเยอะอยู่ มันลดลงก็จริง แต่มันแรงขึ้นหรือเปล่าตนไม่รู้ วันนี้มีการชกกันตลอดบนท้องถนน แล้วก็บอกกันว่ารัฐบาลนี้ปล่อยให้มี เรื่องของคนจิตสำนึกมันมีหรือไม่ มีความอดกลั้นกันไหม รถเมล์ต่อยกับแท็กซี่ แท็กซี่ต่อยกับแกร็บ รถเมล์ขับกันอยู่ดีๆ ขับรถสวนทางกันเอาปืนลงมายิงกัน มันอยู่ที่คน จิตสำนึก การพัฒนาคนมันขาดไปทั้งหมด กระทรวงศึกษาธิการต้องเน้นที่เรื่องนี้ ซึ่งบางคนมันแก้ไม่ไหวแต่ต้องแก้ด้วยกฎหมาย
“ยุทธศาสตร์ชาติสามารถปรับแก้ได้ทุก 5 ปี รัฐบาลใหม่เข้ามาก็ไม่ใช่ว่ามันล็อกทุกตัว ถ้าท่านไม่ทำตรงนี้เพื่อตอบโจทย์ตรงนี้ ท่านก็ต้องไปหาเส้นทางอื่นที่ตอบโจทย์เดียวกัน นั่นแหละคือวิธีการทำยุทธศาสตร์ชาติ ผมก็ไม่รู้ว่ากลัวอะไรกันนักหนา คนที่เข้ามาสู่กระบวนการบริหารราชการแผ่นดินต้องไม่กลัวเรื่องเหล่านี้ ยุทธศาสตร์ชาติเหมือนเส้นทางไฮเวย์ที่ตัดตรงเส้นหนึ่งที่ทุกคนก็สามารถจะไปเส้นนี้ก็ได้ เส้นอื่นก็ได้ แต่ทั้งหมดจะมุ่งตรงไปสู่เป้าหมายสุดท้ายที่ต้องการ คือ ที่หมายสุดท้ายของประเทศเราคือประเทศที่หลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลางให้ได้ ประชาชนหลุดพ้นจากความยากจน” นายกฯ กล่าว
นายกฯ กล่าวว่า จากพระราโชบายของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ ทรงรับสั่งว่า ให้รัฐบาลทำหน้าที่ของรัฐบาลให้ดีที่สุด หลักสำคัญที่พระองค์ท่านทรงต้องการคือทำให้ประชาชนทุกคนมีความสุข รักษาวินัย เคารพกฎหมาย สังคมก็จะมีความสุขไปด้วยส่วน ส่วนเรื่องอื่นๆ เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องดำเนินการ ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ และสังคม แต่ท่านมีพระราโชบายหลักคือต้องทำให้ประชาชนมีความสุขซึ่งครอบคลุมทุกมิติ
