xs
xsm
sm
md
lg

สัญญาณลบจากพญามังกรจำกัดการเคลื่อนไหว “พี่น้องชินวัตร”!?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เมืองไทย 360 องศา



หากไม่นับจากกรณีรายงานประจำปีของคณะกรรมาธิการยุโรป หรือ อียู ที่ถือว่าเป็นหน่วยงานบริหารของอียูที่เตือนให้ประเทศสมาชิกเข้มงวดโครงการ “วีซ่าทอง (Golden Visa)” มากขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมาถูกฉกฉวยประโยชน์โดยบุคคล หรือ องค์กรอาชญากรรมต่างๆ สำหรับการฟอกเงิน คอร์รัปชัน และ เลี่ยงภาษี โดยยกตัวอย่างประเทศมอนเตเนโกร ที่มอบหนังสือเดินทางและมอบถิ่นพำนักให้กับ นายทักษิณ ชินวัตร ไปก่อนหน้านี้

หากไม่นับรายงานดังกล่าวจากฝั่งยุโรปแล้ว ข้ามฟากมาทางฝั่งตะวันออกที่ประเทศจีน ซึ่งเป็นอีกประเทศสำคัญที่ ทักษิณ ชินวัตร มักใช้เป็นที่พักอาศัยและเดินทางมาเคลื่อนไหวอยู่เป็นประจำและต่อเนื่อง หลังที่เขาหลบหนีคดีทุจริตในประเทศไทยไปต่างประเทศอยู่หลายปี

เพราะล่าสุดกลับพบเห็น “สัญญาณที่ผิดปกติ” ที่เกิดขึ้นกับตัวเขา และ “น้องสาว” คือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นั่นคือ “สัญญาณที่เป็นลบ” ที่ชัดเจนขึ้น โดยเริ่มจากเมื่อปลายปีที่แล้วต่อเนื่องมาจนถึงเวลานี้ นั่นคือตั้งแต่ช่วงต้นปีใหม่เป็นต้นมา

หากจำกันได้ก่อนหน้านี้ เมื่อราวสองสัปดาห์ก่อน “เซาต์ไชนามอร์นิงโพสต์” ซึ่งเป็นสื่อชื่อดังในฮ่องกงรายงานกรณี “สองพี่น้องชินวัตร” นั่นคือ นายทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้เดินทางไปเยี่ยมบรรพบุรุษที่หมู่บ้านต๋าเซี่ย ในเมืองเหมยโจว มณฑลกวางตุ้ง และต่อมา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้โพสต์วิดีโอตอนที่พวกเขาเดินทางมาที่หมู่บ้านดังกล่าวลงในอินสตาแกรมเมื่อวันอาทิตย์ที่ 6 มกราคม พร้อมกับบรรยายภาพว่า “คนจีนแห่มาต้อนรับ ทักษิณและยิ่งลักษณ์ เดินทางมากราบไหว้บรรพบุรุษที่ประเทศจีน”

ในวิดีโอดังกล่าวพบเห็นสองพี่น้องลงจากรถและถูกห้อมล้อมด้วยชายชุดดำ จากนั้นพวกชาวบ้านจีนก็กุลีกุจอเข้าไปหาทั้งคู่ ขณะที่สองพี่น้องก็ทักทายพร้อมส่งยิ้มและพูดคุยด้วย

เซาต์ไชนา มอร์นิงโพสต์ รายงานโดยอ้างคำบอกเล่าของชาวบ้านรายหนึ่งว่า ในขณะที่รัฐบาลท้องถิ่นที่นั่นเตรียมการต้อนรับผู้มาเยือนคนดังจากไทย แต่มีการตั้งข้อสังเกตว่า “สื่อหลักและสื่อสังคมออนไลน์ที่เผยแพร่ภาพถ่ายและวิดีโอการมาเยือนของทั้งคู่ ถูกลบทิ้งเกลี้ยงตั้งแต่ช่วงบ่ายวันเดียวกัน (อาทิตย์ที่ 6 มกราคม)”

สื่อดังกล่าวของฮ่องกงแห่งนี้ ยังอ้างความเห็นของ ชอง จา เอียน ศาสตราจารย์ด้านการเมืองระหว่างประเทศ ของมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ ว่า แนวทางการระมัดระวังของจีนต่อการเดินทางเยือนของ ทักษิณ และ ยิ่งลักษณ์ แสดงให้เห็นว่า จีนพยายามสงวนท่าทีไม่ให้เข้าไปพัวพันการเมืองภายในของไทย ซึ่งเสี่ยงต่อผลกระทบต่อผลประโยชน์ของจีนในไทยและอาจรวมถึงในอาเซียนด้วย

ขณะเดียวกัน ยังอ้างความเห็นของ ซู่ลี่ปิง ศาสตราจารย์ด้านการศึกษาเอเชีย-แปซิฟิก แห่งสถาบันสังคมศาสตร์ของจีนในกรุงปักกิ่ง ที่กล่าวในทำนองเดียวกัน และเสริมว่า ในกรณีนี้ดูไม่เหมาะกับการโฆษณาชวนเชื่อ เนื่องจากในมุมมองของรัฐบาลไทยในปัจจุบันพวกเขา (สองพี่น้อง) ยังเป็นผู้หลบหนี

สัญญาณทางลบที่ส่งมาจากรัฐบาลจีนที่ชัดเจนที่สุด ก็คือ มีการเปลี่ยนตัวประธานบริษัทบริหารท่าเรือแห่งหนึ่งในซัวเถา จาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไปเป็นชื่อของคนจีน ทั้งที่ก่อนหน้านี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพิ่งซื้อหุ้นบริษัทและนั่งเก้าอี้ประธานบริหารท่าเรือดังกล่าวได้ไม่ถึงเดือน นั่นคือ เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้วนี่เอง และตามมาด้วยรายงานจากสื่อของจีนที่เผยเบื้องหลังการปลดครั้งนี้ น่าจะมาจากทางการจีนสงสัยที่มาของเงินของหุ้นส่วนคนหนึ่งของเธอที่เป็นนักธุรกิจชาวสิงคโปร์ที่เคยถูกสอบสวนเรื่องคดีฟอกเงินและเลี่ยงภาษี

และเมื่อเจาะลึกแบ็กกราวนด์ ของนักธุรกิจสิงคโปร์รายนี้ พบว่า มีความสนิทสนมกับครอบครัวชินวัตรมานาน โดยเชื่อมโยงไปกับครอบครัวของจอร์จ บุช อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯที่ทำธุรกิจด้านน้ำมัน

นอกจากนี้ ยังมีการคาดการณ์กันอีกว่า หากรายงานเบื้องหลังการปลด น.ส.ยิ่งลักษณ ชินวัตร พ้นจากเก้าอี้ประธานบริษัทท่าเรือซัวเถามาจากสาเหตุแบบนี้จริงๆ มันก็มีความเสี่ยงที่จะถูกทางการจีนอายัดทรัพย์สิน เพื่อการสอบสวนตามมาก็เป็นไปได้ เพราะในยุคของ ประธานาธิบดี “สี จิ้นผิง” กำลังดำเนินนโยบายกวาดล้างคอร์รัปชันอย่างขนานใหญ่

กรณีที่เกิดขึ้นยังไม่นับผลต่อเนื่องจากการที่ ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ที่ทางการจีนอุปถัมภ์ด้านการความช่วยเหลือรายใหญ่ที่สุดได้ประกาศยกเลิกหนังสือเดินทางที่เคยออกให้กับชาวต่างชาติทั้งหมด โดยเกิดขึ้นหลังจากที่เขาได้เดินทางไปปักกิ่งและพบหารือกับ สีจิ้นผิง ที่ปักกิ่ง ซึ่งก่อนหน้านั้น มีรายงานว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ใช้หนังสือเดินทางกัมพูชา เป็นเอกสารในการซื้อหุ้นบริษัทท่าเรือซัวเถา นั่นเอง

ที่น่าสังเกตก็คือ จากเรื่องราวที่เกิดขึ้นปรากฏว่า มีสื่อของจีน โดยเฉพาะสื่อฮ่องกงอย่าง “เซาต์ไชนา มอร์นิงโพสต์ ได้เกาะติดเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง ชนิดที่เรียกว่าเป็นรายวัน ล่าสุด วานนี้ (29 มกราคม) สื่อเดียวกันนี้ยังได้สอบถามความเห็นของผู้นำฝ่ายค้านกัมพูชา ซึ่งเป็นอดีตรองหัวหน้าพรรคฟื้นฟูชาติกัมพูชาที่เวลานี้ลี้ภัยอยู่ต่างประเทศ แสดงท่าทีข้องใจกับการได้มาของหนังสือเดินทางกัมพูชาของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า อาจเป็นเพราะมีความสนิทสนมกับผู้นำกัมพูชานั่นเอง

อย่างไรก็ดี แม้ว่าจะมีรายงานข่าวในทางลบออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังไม่ปรากฏว่า ทั้ง นายทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะออกมาชี้แจงแต่อย่างใด รวมไปถึงบรรดาผู้สนับสนุนต่างๆ ก็เงียบเชียบ ไม่ออกมาชี้แจงในโลกออนไลน์ตามที่เคยเป็นมาเหมือนเช่นทุกครั้ง ซึ่งถือว่าผิดปกติ

นอกเหนือจากนี้ ยังมีอีกกรณีหนึ่งที่น่าจับตา ก็คือ “ข่าวคราวงานแต่งงานของลูกสาวคนเล็กของ นายทักษิณ ชินวัตร คือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ที่ตามกำหนดการจะจัดขึ้นในช่วงวันที่ 20-24 มีนาคม ที่ฮ่องกง ตามที่ นายพานทองแท้ ชินวัตร พี่ชาย ซึ่งเป็นจำเลยในคดีฟอกเงินที่ได้ยื่นคำร้องต่อศาลคดีทุจริตฯขออนุญาตเดินทางออกนอกประเทศมาตั้งแต่วันที่ 13 ธันวาคม ปีที่แล้ว และศาลก็อนุญาตไว้แล้ว และน่าจับตาว่างานแต่งงานดังกล่าวยังดำเนินการต่อไปตามกำหนดการเดิมหรือไม่

ดังนั้น เมื่อประมวลจากเหตุการณ์ทั้งหมดดังกล่าวมา ย่อมจับสัญญาณทางลบที่ส่งตรงมาจาก “พญามังกร” อย่างจีนมาถึง “สองพี่น้อง” ทักษิณและยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อย่างชัดเจน โดยเฉพาะในเรื่องการจำกัดการเคลื่อนไหว ซึ่งก็ดูเหมือนว่าพวกเขาจะรับรู้ สังเกตได้จากการจัดรายการ “กู๊ดมันเดย์” ของ ทักษิณ ในทุกวันจันทร์ จะไม่ค่อยมีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการเมือง หรือโจมตีรัฐบาล คสช. โดยตรงเหมือนที่ผ่านมา โดยสองครั้งหลังก็เป็นการแนะนำประสบการณ์การแก้ปัญหาฝุ่นละอองในเมืองใหญ่ และล่าสุด ก็เป็นการท่องเที่ยวแบบกระจายรายได้ ซึ่งเป็นเรื่องพื้นๆ ตามน้ำ เหมือนกับโผล่หน้าออกมาไม่ให้คนลืมเท่านั้นเอง!!


กำลังโหลดความคิดเห็น