เผยกฎเหล็ก กกต.ในการควบคุมการโฆษณาหาเสียงของพรรคการเมืองและผู้สมัคร ส.ส.ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ที่เกือบทำขวัญผวา ล่าสุดจากการตรวจสอบยังสามารถสื่อวิทยุโทรทัศน์หาเสียง-เดเบทได้ตามปกติเหมือนปี 54 เพียงแต่ต้องเท่าเทียมสื่อต้องมีจรรยาบรรณ
วันนี้ (28 ม.ค.) มีรายงานว่า จากพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. 2561 ที่มี 2 มาตรา มีเนื้อหาคุมเข้มคือมาตรา 69 ที่เกี่ยวกับการโฆษณาหาเสียงของผู้สมัครรับเลือกตั้งและพรรคการเมือง และมาตรา 81 ที่ระบุให้ กกต.มีหน้าที่สนับสนุนการโฆษณาหาเสียงให้แก้ผู้สมัครและพรรคการเมืองตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด
โดยมาตรา 69 ระบุว่า ห้ามผู้สมัคร พรรคการเมืองหรือผู้ใดโฆษณาหาเสียงเลือกตั้งทางวิทยุกระจายเสียง หรือวิทยุโทรทัศน์ เว้นแต่เป็นการดำเนินการที่ได้รับการสนับสนุนตามมาตรา 81
สำหรับมาตรา 81 ระบุว่าให้คณะกรรมการมีหน้าที่สนับสนุนการโฆษณาหาเสียงให้แก่ผู้สมัครและพรรคการเมือง ทั้งนี้ตามหลักเกษณฑ์ที่คณะกรรมการกำหนด ในการนี้คณะกรรมการจะขอให้หน่วยงานอื่นของรัฐเป็นผู้ดำเนินการสนับสนุนด้วยก็ได้
โดยในการสนับสนุนการโฆษณาหาเสียงตามวรรคหนึ่ง คณะกรรมการอาจจัดเวทีประชันนโยบายการบริหารประเทศสำหรับพรรคการเมืองได้ด้วย
ขณะเดียวกัน ตามระเบียบของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการสนับสนุนการโฆษณาหาเสียงเลือกตั้ง ส.ส. 2561 ข้อ 12 ที่ระบุว่า เพื่อประโยชน์ในการให้ความรู้แก่ประชาชนและส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจทางการเมืองและกระตุ้นให้ประชาชนไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งมากขึ้นสถานีอาจเชิญพรรคการเมืองไปออกรายการเพื่อแสดงวิสัยทัศน์ หรืออภิปรายเชิงนโยบาย หรือจัดให้พรรคการเมืองตอบข้อซักถามหรือแสดงความคิดเห็นได้ และในการดำเนินการตามวรรคหนึ่งให้สถานีพิจารณาตามหลักวิชาชีพและจรรยาบรรณ โดยต้องพิจารณาให้พรรคการเมืองมีโอกาสเท่าเทียมกัน
อย่างไรก็ดี แม้ว่าหากพิจารณาจากพระราชบัญญัติดังกล่าวทั้งสองมาตรา คือมาตรา 69 และ 81 ที่ดูเหมือนกับว่ามีการควบคุมเข้มงวด แต่เมื่อพิจารณาจากระเบียบของ กกต.ข้อ 12 ก็ไม่ได้แตกต่างจากการเลือกตั้งที่ผ่านมาเมื่อปี 2550 และปี 2554 โดยเน้นย้ำในเรื่องความเท่าเทียมและความมีจรรยาบรรณของสื่อเท่านั้น และสามารถดำเนนิการได้โดยไม่ต้องขออนุญาต กกต.ก่อนแต่อย่างใด