xs
xsm
sm
md
lg

“แม้ว” นั่งไม่ติดกินบุญเก่าไม่พอต้องออกแรงเขย่าเอง !!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เมืองไทย 360 องศา          
         
         
         
ความเคลื่อนไหวล่าสุดของ นายทักษิณ ชินวัตร หากพิจารณากันในทางการเมือง ถือว่าออกอาการ “นั่งไม่ติด” กับการใช้สื่อโซเชียล อินสตาแกรม จัดรายการ good monday DR.THAKSIN SHINAWATRA ทุกวันจันทร์ โดยถือโอกาสเกริ่นนำไปแล้วเมื่อวันจันทร์ที่ 14 มกราคม ที่ผ่านมา โดยบอกว่า จะใช้ประสบการณ์ในต่างแดนกว่า 12 ปี ที่เคยพบปะกับคนสำคัญ ทั้งผู้นำ นักธุรกิจ นักวิชาการสารพัดมาเล่าให้ฟัง เผื่อทำให้คนไทยเกิดแรงบันดาลใจ และรับกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น

ก็ตามฟอร์มคือ ต้องการโชว์พาวให้เห็นถึงภาพความเป็นอินเตอร์ มีความทันสมัยมาอวด ซึ่งถือว่าเป็นความถนัดของ นายทักษิณ ชินวัตร ที่มักแสดงออกมาแบบนี้ อย่างไรก็ดี หากมองออกมาอีกมุมหนึ่ง มันก็ไม่ต่างจากอาการ “นั่งไม่ติด” เหมือนกับจะเป็นความพยายาม “เรียกร้องความสนใจ” เอาในช่วงเวลาสำคัญพอดี เพราะหากสังเกตให้ดี บังเอิญว่า ช่วงวันเปิดรายการที่โพสต์ข้อความทางไอจีก็เป็นช่วงที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นำคณะไปประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรที่เชียงใหม่และลำปาง ในช่วงเวลาเดียวกันพอดี

แม้ว่าอาจเป็นเรื่องบังเอิญ หรือคิดมากก็ได้ ที่มีการจับมาโยงกัน แต่ในทางการเมืองก็ต้องถือว่าน่าจับตาไม่น้อย อย่างน้อยภาพของจังหวัดเชียงใหม่ที่เป็นบ้านเกิดของ นายทักษิณ ชินวัตร เป็นฐานเสียงหลักของพรรคการเมืองของเขามาตั้งนานแล้ว แต่ในช่วงที่ผ่านมา จะเห็นว่า บรรยากาศ “เริ่มแผ่ว” ลงเรื่อยๆ เพราะหลักๆ มาจากคนในครอบครัวชินวัตร ที่เริ่มแตกกระสานซ่านเซ็น หลบหนีไปต่างแดน เพราะหลังจาก นายทักษิณ หนีคดีทุจริตไปเป็นคนแรก ถัดมาก็เป็น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และรายล่าสุดค่อนข้างแน่แล้วว่าน่าจะเป็น “เจ๊แดง” นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ที่น่าจะหนีไปอีกราย

แน่นอนว่า เมื่อคนในครอบครัวระดับ “วงใน” แบบนี้แห่กันหลบหนีไปต่างแดน มันก็ขาดการเชื่อมโยงสั่งการ แม้ว่าในยุคปัจจุบันจะมีระบบการสื่อสารสั่งการแบบใกล้ชิดเห็นหน้าตา แต่ก็นั่นแหละมันไม่เหมือนสั่งการกันมาโดยตรง เราจึงได้เห็นภาพความระส่ำระสาย แตกแยกในพรรคเพื่อไทยประเภทไม่มีใครยอมใคร เพราะต่างคนก็ถือว่าอีกฝ่ายก็เป็นแค่ “ลูกน้อง” เหมือนกัน

ประกอบกับในช่วงกว่า 5 ปีในยุคของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นผู้นำ ที่ได้ลดทอนอิทธิพล ของ นายทักษิณ ชินวัตร ลงไปเรื่อยๆ อย่างน้อยก็คนในครอบครัวของเขาที่เคยมีคดีก็มีการผลักดันรื้อฟื้นจนเกือบทุกคดีสำคัญเข้าสู่การพิจารณาในชั้นศาลหมดแล้ว หรือมีการออกกฎหมายใหม่ที่มีการพิจารณาคดี “ลับหลัง” จำเลยได้ ไม่ต้องถูกแช่แข็งเหมือนก่อนแล้ว รวมไปถึงคดีทุจริตไม่อายุความ คือ หากจะหนีก็ต้องหนีตลอดชีวิต เหมือนกับที่สองพี่น้อง “แม้ว-ปู” กำลังเจออยู่ในเวลานี้

ดังนั้น อย่าได้แปลกใจที่ นายทักษิณ ชินวัตร พยายามออกมาดิสเครดิต กล่าวทำนองว่า “ยุติธรรมแบบป้อมๆ” ตีเข้าไปเรื่อง “นาฬิกาเพื่อน” ซึ่งถือว่าเป็นจุดอ่อนของรัฐบาล และของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ใหญ่ของ คสช. ซึ่งก็อาจจะใช่ แต่นั่นมันคนละเรื่องกับคดีในศาลยุติธรรม

นอกเหนือจากนี้ สำหรับรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่มีการแก้เกมมาดีพอสมควร อย่างน้อยก็หลายนโยบายก็ย้อนศรได้ดี เช่น “บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” อย่างน้อยก็สร้างความจดจำได้ไม่น้อยเหมือนกัน หรือแม้แต่การ “สร้างความแตกแยก” ในหมู่มวลชนคนเสื้อแดง ที่เคยสนับสนุนครอบครัว นายทักษิณ และพรรคเพื่อไทย ให้แยกตัวออกมา สิ่งเหล่านี้ทำให้เครือข่ายทักษิณ อ่อนกำลังลงอย่างมาก

ที่สำคัญ หากคราวนี้พรรคเพื่อไทยไม่สามารถเป็นรัฐบาลได้ รับรองว่า อิทธิพลของครอบครัวนี้จะลดลงไปจนหมดความหมายไปเลย เพราะจากการขาดความต่อเนื่องยาวนาน จาก “สังขาร” ที่ร่วงโรย ยังมองไม่เห็นใครที่จะเป็นตัวตายตัวแทนได้ดีพอ

ด้วยสภาพดังกล่าวมาทั้งหมดประกอบกัน นี่แหละที่ได้เห็นอาการ “นั่งไม่ติด” ของ ทักษิณ ชินวัตร โดยเฉพาะกับการที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขึ้นไปเหยียบถิ่นฐานเสียงหลักของตัวเอง แบบนี้มันก็ต้องเรียกร้องความสนใจให้กลับมากันเสียหน่อย อย่างน้อยก็ต้องการโชว์ข่มอีกฝ่าย แต่ก็อย่างว่าเมื่อถึงวันจริงจะมีอะไรใหม่หรือไม่ หรืออาจกลายเป็นว่า “โชว์โง่” ถูกจับผิดย้อนกลับไปเหมือนกับที่เคยคุยโวว่าเป็นเจ้าของเหมืองทองในแอฟริกานับร้อยเหมือง ที่จนบัดนี้ยังไม่เคยเห็นสักเหมือง

ดังนั้น หากให้ประเมินเท่าที่เห็นการโผล่ออกมาเที่ยวนี้ของ นายทักษิณ ชินวัตร มันก็เหมือนกับปลุกขวัญ ต้องการสื่อสารไปถึงบรรดาผู้สนับสนุนว่าเขายังอยู่ แต่ถึงอย่างไรก็ได้แต่หวังว่าเมื่อถึงวันจริงจะ “ถูกบล็อก” หรือไม่ เพราะการที่ “นักโทษหนีคดี” ออกมาลอยหน้าลอยตาแบบนี้มันไม่สมควรเหมือนกัน!!


กำลังโหลดความคิดเห็น