อดีต กกต.ร่ายยาว ชี้ขยับเลือกตั้งสะท้อนรัฐไร้ความสามารถบริหาร วันเลือกตั้งไม่นิ่ง ทำทุกฝ่ายป่วน วิเคราะห์เลือกตั้ง 10 มี.ค.ลงตัวสุด เตือน กกต.เร่งประสานโรงพิมพ์ กันปัญหาพิมพ์บัตรเลือกตั้งไม่ทัน
วันนี้ (10 ม.ค.) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต. และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.สมุทรสาคร พรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์ Facebook ตำหนิรัฐบาลในเรื่องการขยับวันเลือกตั้งว่า เป็นการสะท้อนถึงความไร้สามารถในการบริหารบ้านเมือง โดยระบุว่าการเลือกตั้งวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 คือสิ่งที่ผู้นำรัฐบาลพูดอย่างจริงจังต่อประชาชนมาตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2561 หรือประมาณ 5 เดือนที่ผ่านมานับแต่วันที่นายกรัฐมนตรีประกาศชัดเจน ทุกฝ่ายก็เตรียมทำงานอย่างเป็นระบบเพื่อให้การเลือกตั้งเกิดขึ้นตามคำสัญญา เพื่อรักษาหน้าตาผู้นำประเทศไทย ไม่ให้ถูกดิสเครดิตว่าเป็นคนที่พูดแล้วเชื่อถือไม่ได้ การรู้ล่วงหน้านานถึง 6 เดือนทำให้รัฐบาลสามารถเตรียมการในเรื่องต่างๆ ด้วยความเรียบร้อย ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมการด้านการออกพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้ง การประสานกับสำนักพระราชวังเพื่อให้พระราชกฤษฎีกาสามารถประกาศในราชกิจจานุเบกษาได้ตามกำหนด ความเชื่อมั่นในความสามารถบริหารดังกล่าวถึงขนาดมีการทำ Timeline ที่ชัดเจนสายขึ้นจอในการประชุมพรรคการเมืองเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2561 ว่าจะมีการประกาศกฤษฎีกาวันที่ 2 มกราคม 2562 รับสมัครวันที่ 14 ถึง 18 มกราคม และประกาศชื่อผู้สมัครวันที่ 25 มกราคม
การแสดงออกอย่างจริงจังดังกล่าวทำให้ทุกภาคส่วนในประเทศทั้งที่เกี่ยวข้องและไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการเลือกตั้งมีการตระเตรียมกิจกรรมต่างๆ ของตนเองให้สอดคล้องกับปฏิทินซึ่ง กกต.ได้แจ้งต่อพรรคการเมืองว่าต้องทำอะไรเมื่อไหร่ ให้พรรคการเมืองเตรียมพร้อมในด้านการสรรหาผู้สมัครและการหาเสียง กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศได้รับแจ้งภารกิจว่าจะต้องรับผิดชอบงานเรื่องใด และเมื่อใดโรงพิมพ์ต้องล็อกแป้นล็อกเวลาพิมพ์งานให้ กกต.สั่งกระดาษมา สต๊อกเพื่อให้สามารถพิมพ์ได้ทันและไม่รับงานจากลูกค้าอื่นในช่วงเวลาที่ตกลงกัน กระทรวงศึกษาธิการต้องเลื่อนวันสอบคัดเลือกนักเรียนนับแสนคน ภาคเอกชนและภาคประชาชนร่วมจัดตารางต่างๆ ของตนเองให้สอดคล้องกับกำหนดการเลือกตั้ง ถึงวันนี้รัฐบาลยังไม่สามารถประกาศกฤษฎีกาเลือกตั้งได้ การจัดประชุมของผู้อำนวยการสำนักงาน กกต.ทั่วประเทศในวันที่ 7-9 มกราคมที่ผ่านมาจึงเป็นการประชุมเพื่อใช้เงินล้านกว่าบาท เพื่อมาบอกว่ายังไม่มีอะไรแน่นอน ผู้ตรวจการเลือกตั้งจำนวน 600 กว่าคนซึ่งเตรียมยกเลิกภารกิจต่างๆ ของตนมาทำหน้าที่ในช่วงเลือกตั้งก็สับสนว่าจะต้องเริ่มงานเมื่อใดกันแน่ โรงพิมพ์ที่ล็อกเวลาสำหรับการพิมพ์บัตรไม่สามารถรู้ได้ว่าจะพิมพ์จริงเมื่อไหร่ และอาจรับงานลูกค้าอื่นแทนจนทำให้ถึงเวลาจริงอาจไม่สามารถพิมพ์บัตรได้ทัน กระทรวงมหาดไทยต้องมีหนังสือด่วนถึงส่วนราชการในสังกัด ยกเลิกกำหนดการต่างๆ ที่ได้วางไว้ สถานทูตในต่างประเทศต้องยกเลิกแผนการเดิมการเตรียมการต่างๆ เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน นักเรียนนับแสนคนไม่รู้จะเอาอย่างไรแน่กับชีวิตของตน ไม่รวมถึงพรรคการเมืองต่างๆ ที่ได้มีการเตรียมการไปมากมายแล้ว การไม่สามารถประกาศกฤษฎีกาได้ตามกำหนดและยังไม่สามารถบอกสังคมได้ว่าจะประกาศได้เมื่อไหร่จึงเป็นการสะท้อนความสามารถในการบริหารประเทศของรัฐบาลชุดนี้ได้เป็นอย่างดีว่าเรื่องทำงานตาม กำหนดเวลาที่รู้ล่วงหน้าถึง 6 เดือนยังทำไม่ได้ ประสาอะไรคิดจะมียุทธศาสตร์ประเทศล่วงหน้า 20 ปี
นายสมชัยให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมโดยวิเคราะห์ถึงวันเลือกตั้งที่เหมาะสมว่าควรเป็นวันที่ 10 มีนาคม เพราะจะทำให้ กกต.เตรียมการตามแผนเดิมได้หมด พรรคการเมืองจะมีเวลาหาเสียงไม่น้อยกว่า 52 วันตามที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เคยพูดไว้ว่าเวลาหาเสียงไม่ควรน้อยกว่าเดิม และเป็นการขยับวันเลือกตั้งไป 2 สัปดาห์ เชื่อว่าประชาชนรับได้ อีกทั้ง กกต.ยังสามารถรับรองผลเลือกตั้งร้อยละ 95 ได้ภายในวันที่ 9 พฤษภาคม ไม่เกินกรอบ 150 วันตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดให้จัดเลือกตั้งให้แล้วเสร็จ แต่จะกำหนดวันเลือกตั้งเป็นวันที่ 10 มีนาคมได้ พระราชกฤษฎีกาต้องประกาศใช้ภายในวันที่ 16 มกราคม ซึ่งหากวันที่ 10 มีนาคมเป็นวันเลือกตั้งจริงก็คาดว่าจะมีการรับสมัครวันแรกในวันที่ 28 มกราคม
อดีต กกต.ยังเตือน กกต.ว่า จากปัญหาความไม่แน่นอนเรื่องวันเลือกตั้งจะทำให้ทำงานยากลำบากมากขึ้น โดยมีความเป็นห่วงเรื่องบัตรเลือกตั้งว่าอาจเกิดปัญหาพิมพ์ไม่ทัน เพราะไม่สามารถล็อควันที่แน่นอนได้ เอกชนก็ไม่สามารถล็อกแท่นพิมพ์เพื่อพิมพ์งานให้ กกต.ได้ การจะล็อกวันใหม่ กกต.ก็คงไม่มีหน้าไปขอให้โรงพิมพ์ล็อกวันให้ เพราะเคยผิดพลาดมากแล้วครั้งหนึ่ง แต่ไม่ว่าจะลำบากอย่างไรก็ตาม กกต.ไม่มีสิทธิแก้ตัวต้องทำให้ได้ โดยปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นเพราะรัฐบาลชุดนี้ขาดความสามารถในการบริหาร