ทีมโฆษกรัฐบาลเผย ครม.อนุมัติ 3 โครงการจัดการน้ำ วงเงินกว่า 3 หมื่นล้านบาท ไฟเขียวมาตรการจัดระเบียบป้ายโฆษณาสาธารณะ หลังพบทำสถิติอุบัติเหตุสูง วางเข้ม 2 กฎเหล็กระยะเร่งด่วน-ระยะยาว
วันนี้ (8 ม.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพุทธิพงษ์ ปุณณกัณต์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.มีมติอนุมัติโครงการคลองระบายน้ำหลากบางบาล-บางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ กรอบวงเงินงบประมาณ 21,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการที่สำคัญที่จะช่วยบรรเทาปัญหาอุทกภัย โดยเฉพาะในช่วงที่มีปัญหาน้ำหลาก ซึ่งมีแผนงานโครงการ 5 ปี (2562-2566 )
นอกจากนี้ ครม.ยังอนุมัติโครงการประตูระบายน้ำบ้านก่อ พร้อมระบบส่งน้ำ จังหวัดสกลนคร วงเงินงบประมาณ 1,249 ล้านบาท ระยะเวลาดำนเนินโครงการ 5 ปี (2562-2566) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นแหล่งเก็บกักน้ำเพื่อใช้ในการเพาะปลูกในช่วงฤดูแล้ง อีกทั้ง ครม.ยังอนุมัติโครงการประตูระบายลำน้ำพูง-น้ำก่ำ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดสกลนคร วงเงินงบประมาณ 2,100 บาท เพื่อบรรเทาปัญหาอุทกภัยในเขตอำเภอเมืองสกลนคร และอำเภอโคกศรีสุพรรณ
ด้าน พ.อ.อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.มีมติรับทราบมาตรการป้องกันการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับป้ายโฆษณาบนทางสาธารณะ ที่ในปัจจุบันยังไม่มีการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวอย่างเคร่งครัด ซึ่งจากข้อมูลของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) พบว่าอุบัติเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการที่ผู้ขับขี่ไม่มีสมาธิเพราะหันไปสนใจภาพจากป้ายโฆษณาบ่อยครั้ง นอกจากนี้ จากการวิจัยยังพบว่าบทบัญญัติของกฎหมายที่เกี่ยวข้องทั้งหมดยังไม่สามารถควบคุมจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ เรื่องดังกล่าวทางสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เสนอแนะข้อคิดเห็นด้วยว่ายังพบเจ้าหน้าที่รัฐมีพฤติการณ์ทุจริตเรื่องนี้หลายลักษณะ เช่น เลือกปฏิบัติในการอนุมัติขออนุญาตติดตั้งป้ายฯ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย ติดตั้งป้ายโฆษณาเพื่อเอื้อประโยชน์ตัวเอง
พ.อ.อธิสิทธิ์กล่าวต่อว่า สำหรับมาตรการป้องกันฯ แบ่งเป็น 2 มาตรการ คือ 1. มาตรการระยะเร่งด่วน แยกออกเป็น 2 เรื่อง คือป้ายโฆษณาทุกประเภทจะต้องมีเลขทะเบียนควบคุมเป็นระบบเดียว โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องจัดให้มีช่องทางที่เหมาะสม และจะต้องจัดพื้นที่เฉพาะสำหรับติดป้ายฯ โดยไม่มีค่าธรรมเนียม เพื่อให้เป็นระเบียบเรียบร้อย ลดโอกาสเจ้าหน้าที่เรียกรับผลประโยชน์ ขณะเดียวกัน มาตรการเร่งด่วนทางกฎหมาย จะมีการกำหนดคำนิยมของป้ายโฆษณาให้ชัดเจน เป็นมาตรฐานกลางสำหรับทุกหน่วยงาน เพื่อไม่ให้เกิดอันตราย และ 2. มาตรการระยะยาว จัดให้ความรู้ทางกฎหมายแก่ผู้ที่เกี่ยวข้องที่มีความประสงค์จะติดป้ายฯ ให้มีความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้อง รวมถึงรณรงค์ให้เครือข่ายประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการแจ้งเบาะแสอีกด้วย