xs
xsm
sm
md
lg

สนามเลือกตั้งภาคใต้เดือดแน่ ทุกพรรครุมแย่งเก้าอี้ปชป.!!

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เมืองไทย 360 องศา



แม้ว่านาทีนี้จะยังไม่รู้ว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันไหนกันแน่ รู้แต่เพียงว่า"เลื่อนเลือกตั้งแน่นอน" แต่ถึงอย่างไรหากให้คาดเดาเอาไว้บ้างก็น่าจะอยู่ในภายในเดือนมีนาคมนี้ ส่วนจะเป็นวันใดนั้นต้องรอให้มีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งลงมาเสียก่อน จากนั้นคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ถึงจะกำหนดวันเลือกตั้งได้

อย่างไรก็ดีหากพูดกันถึงสนามเลือกตั้งที่จะต้องเกิดขึ้นในอีกไม่นานข้างหน้า อยากให้โฟกัสไปที่สนามในภาคใต้ที่มีแนวโน้มอย่างสูงว่าต้องดุเดือดเข้มข้น เพราะหากพิจารณาจากความเคลื่อนไหวเท่าที่เห็นในเวลานี้และก่อนหน้านี้ไม่นาน จะเห็นว่าแทบทุกพรรคทั้งพรรคใหม่และเก่าต่างลงพื้นที่ทำคะแนนเพื่อหวังแย่งชิงเก้าอี้ ส.ส.ในดินแดนด้ามขวานกันทั้งสิ้น

แน่นอนว่าหากบอกว่าภาคเหนือและภาคอีสานเป็นฐานเสียงหลักของพรรคเพื่อไทย ในลักษณะเดียวกันสำหรับภาคใต้ย่อมต้องเป็นฐานนิยมหลักของพรรคประชาธิปัตย์นั่นเอง เรียกได้ว่า 70-80 เปอร์เซ็นต์ของจำนวน สส.ในภาคใต้ล้วนเคยเป็น ส.ส.ของพรรคนี้ 
     
    สำหรับการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นสำหรับพื้นที่ภาคใต้กำลังมีแนวโน้มที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม อย่างน้อยเท่าที่เห็นในตอนนี้มีหลายพรรคไม่ว่าจะเป็นพรรคเก่าอย่างพรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมพลังประชาชาติไทย ที่ต่างหมายมั่นปั้นมือลงไปแย่งชิงเก้าอี้ สส.ในพื้นที่กับพรรคประชาธิปัตย์กันทั้งนั้น

จะว่าไปแล้วในการเลือกตั้งคราวนี้ถือว่าพรรคประชาธิปัตย์ ในยุคที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้นำทัพอีกครั้ง แต่ก็เจอกับภาวะ"ถูกดูด"อย่างรุนแรง นั่นคือมีอดีต สส.ของพรรคย้ายออกไปสังกัดพรรคการเมืองอื่นจำนวนมาก

แต่ที่น่าจับตาก็คือในการเคลื่อนไหวของพรรคประชาธิปัตย์เหมือนกับมี"เงา"บางอย่างทาบทับอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เงาของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการพรรคประชา

ธิปัตย์ ที่เวลานี้แยกวงไปร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย และอดีต สส.ของพรรคประชาธิปัตย์ย้ายพรรคตามไปด้วย เช่น กรณีของ นายสุรเชษฐ์ แวอาแซ อดีต ส.ส.นราธิวาส หลายสมัยที่ยกทีมอดีตสส.จากพื้นที่ชายแดนใต้ เป็นต้น

ขณะเดียวกันที่น่าสนใจก็คือ อย่างที่รู้กันเมื่อมีการถือกำเนิดขึ้นของพรรครวมพลังประชาชาติไทย ที่มี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นแกนหลัก และหลายคนเป็นอดีตแกนนำกปปส.ทำให้มองกันว่าจะต้องเกิดการ"ทับซ้อน"ในเรื่องฐานเสียงอย่างแน่นอน นั่นคือย่อมมีผลกระทบต่อจำนวน สส.ของพรรคประชาธิปัตย์ไม่มากก็น้อย

นอกเหนือจากนี้ยังมีผลกระทบไปถึงความแตกแยกภายในพรรคประชาธิปัตย์ที่ปรากฏออกมาให้เห็นมากขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าจะพยายามเก็บอาการเหล่านั้นไม่ให้คนภายนอกได้รับรู้มากที่สุด แต่ในความเป็นจริงรอยปริที่ว่านี้เริ่มสังเกตให้เห็นมาตั้งแต่การแข่งขันชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคระหว่างกลุ่มที่สนับสนุน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กับ"กลุ่มเพื่อหมอวรงค" ที่สนับสนุน นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม แม้ว่าผลสรุปลงท้ายด้วยชัยชนะของ นายอภิสิทธิ์ แต่เมื่อพิจารณาจากผลคะแนนที่ไม่ทิ้งห่างกันมากนักหรือในทางการเมืองมองว่า"ฉิวเฉียด"

เมื่อมองลึกลงไปอีกนิดจะพบว่ากลุ่มที่หนุนหลัง นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ก็ล้วนมาจากกลุ่มของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และอดีตกลุ่มกปปส.ที่ยังฝังตัวอยู่ในพรรคประชาธิปัตย์จำนวนมาก นี่ก็แสดงให้เห็นถึงรอยปริที่เกิดขึ้น

ขณะเดียวกันสิ่งที่เชื่อมโยงต่อเนื่องมาถึงพรรครวมพลังประชาชาติไทยก็คือมีหลายพื้นที่ที่ปรากฎว่ามีเครือญาติใกล้ชิด พี่หรือน้อง หรือเมีย ของอดีต สส.ประชาธิปัตย์ไปมีชื่อเป็นว่าที่ผู้สมัครของพรรครวมพลังประชาชาติไทย ที่เห็นภาพชัดก็คือที่ เขต 1 จังหวัดชุมพร กรณีของ นายชุมพล จุลใส หรือที่คนในพื้นที่รู้จักในนาม"ลูกหมี" แม้ว่าจะพยายามเคลียร์กันให้จบด้วยการไฟเขียวให้ นายชุมพล จุลใส ได้ลงสมัคร เขต 1 ในนามพรรคไปแล้ว แต่งานนี้เชื่อว่ายังต้องมีอะไรข้างในกันอย่างแน่นอน

นอกเหนือจากนี้ในพื้นที่สำคัญ เช่นที่ จังหวัดสงขลา ก็มีความขัดแย้งให้เห็นชัดเจน ระหว่างกลุ่มของ นายถาวร เสนเนียม ที่รับรู้กันว่าใกล้ชิดกับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ กับกลุ่มของ นายนิพนธ์ บุญญามณี ที่ก่อนหน้านี้มีปัญหาในเรื่องการเลือกผู้สมัคร สส.เขต จนปรากฎว่าผลจากการหยั่งเสียงทำให้ นายเจือ ราชสีห์ อดีต สส.ต้องพ่ายแพ้และถูกบีบให้ขึ้นบัญชีรายชื่อ

และที่ทำท่าจะสนุกเข้มข้นไม่เบาก็คือที่จังหวัดพัทลุง ในพื้นที่ของ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ที่ถูกมองว่ากำลังสร้างความ"หมั่นใส้"ให้กับหลายคนในฐานะที่มีบทบาทสำคัญในการวางตัวผู้สมัครของพรรคในภาคใต้ แต่กลายเป็นว่าเวลานี้ในพื้นที่กำลังจะถูกเจาะไข่แดง จากบางพรรคเช่น พรรคภูมิใจไทย ที่ส่ง"เสี่ยใหญ่"เจ้าของปั๊มน้ำมันในพื้นที่จากตระกูล"รัชกิจประการ"เข้ามาท้าชิง และว่ากันว่า"มีลุ้น"ไม่น้อยเพราะที่ผ่านมาขยันทำการบ้านมาอย่างดี ถึงกับได้ยินเสียงเย้ยหยันลอยลมตามมาว่า"ไปยุ่งพื้นที่อื่นมากนักให้ระวังหลังให้ดีแล้วกัน"

เอาเป็นว่าสำหรับการเลือกตั้งคราวนี้พรรคประชาธิปัตย์ถือว่าหนักหน่วงอีกครั้งหนึ่ง เพราะนอกจากโดนกระแสดูด ย้ายพรรคออกไปไม่น้อยแล้ว ในพื้นที่ภาคใต้ที่ถือว่าเป็น"ฐานหลัก"เวลานี้ก็มีแนวโน้มถูกแบ่งแต้มแย่งเก้าอี้กันอีกจากหลายพรรค นอกเหนือจากพรรครวมพลังประชาชาติไทยที่มี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นหัวขบวนหลักแล้ว ยังมีอีกหลายพรรคที่ลงไปขอแบ่งเค้กเพราะถือว่า"ฟ้าเปิด"แล้ว ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่งฝ่ายประชาธิปัตย์ก็ต้องรักษาที่มั่นเอาไว้อย่างเต็มที่

ถึงได้บอกว่าสนามภาคใต้ต้องเดือดแน่ !!


กำลังโหลดความคิดเห็น